บอร์ดบีโอไอเห็นชอบขยายพื้นที่เมืองนวัตกรรมอาหารอีก 5 แห่ง พร้อมหนุนกิจการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้ายานพาหนะและกิจการอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ
บอร์ดบีโอไอเห็นชอบให้เพิ่ม
“เมืองนวัตกรรมอาหาร” อีก 5 แห่งรวมเป็น 13 แห่งเพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารของโลก
และผลักดันโครงการเมืองนวัตกรรมอาหารให้ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวางขึ้น พร้อมเปิดให้ส่งเสริมกิจการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานพาหนะ
และปรับประเภทกิจการเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ให้สอดคล้องกับทิศทางเทคโนโลยี
นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์
เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
(บอร์ดบีโอไอ) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ว่า
ที่ประชุมได้เห็นชอบให้พื้นที่เมืองนวัตกรรมอาหาร หรือ Food
Innopolis อีก 5 แห่งตามโครงการของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นเขตวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน โดยเป็นพื้นที่ที่อยู่ในความดูแลของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
และมหาวิทยาลัยนเรศวร
ก่อนหน้านี้
บอร์ดบีโอไอให้ความเห็นชอบพื้นที่เมืองนวัตกรรมอาหารไปแล้วจำนวน 8 แห่ง ได้แก่ เมืองนวัตกรรมอาหารในอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จังหวัดปทุมธานี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล
และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
“โครงการในกิจการเป้าหมายที่ตั้งอยู่ในพื้นที่
Food Innopolis เหล่านี้
นอกจากจะได้รับสิทธิประโยชน์การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 5-10 ปี ตามเกณฑ์พื้นฐานของแต่ละประเภทกิจการแล้ว
ยังจะได้รับสิทธิการลดหย่อนอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 50 เป็นเวลา 5 ปี
หรือได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมอีก 2 ปี แล้วแต่กรณี ตัวอย่างกิจการเป้าหมาย เช่น
กิจการปรับปรุงพันธุ์พืชและสัตว์ กิจการวิจัยและพัฒนา
และกิจการบริการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ เป็นต้น มาตรการนี้จะช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารของโลก
และสนับสนุนโครงการเมืองนวัตกรรมอาหารของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม” นางสาวดวงใจกล่าว
เปิดให้การส่งเสริมกิจการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานพาหนะไฟฟ้า
นอกจากนี้
ที่ประชุมยังเห็นชอบให้เปิดประเภทกิจการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานพาหนะไฟฟ้า
หลังจากที่การให้ส่งเสริม “กิจการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า” เดิมได้สิ้นสุดไปแล้ว
เมื่อสิ้นปี 2561 เพื่อส่งเสริมการให้มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่จะรองรับยานพาหนะไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องและส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าให้ครอบคลุมสำหรับยานพาหนะที่หลากหลายทั้งทางบกและทางน้ำ
ไม่จำกัดฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมจากเดิม คือ จะต้องมีหัวจ่ายรวมไม่น้อยกว่า
40 หัวจ่าย โดยเป็นประเภท
Quick Charge ไม่น้อยกว่าร้อยละ 25
ของจำนวนหัวจ่ายประจุไฟฟ้าทั้งหมดภายใต้โครงการ เพื่อเพิ่มความเป็นไปได้ในการติดตั้งหัวจ่ายประจุไฟฟ้าให้ครอบคลุมพื้นที่การให้บริการมากขึ้น
โดยผู้ลงทุนจะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 5 ปี
ปรับปรุงประเภทกิจการเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
ที่ประชุมเห็นชอบให้ปรับปรุงประเภทกิจการ
เงื่อนไข และสิทธิประโยชน์ในหมวดอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว
และเพื่อชักจูงบริษัทเป้าหมายและช่วงชิงโอกาสในการสร้างให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง
ซึ่งจะมีส่วนทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของสินค้าส่งออกหลักของไทย
และสร้างการจ้างงานทักษะสูงมากขึ้นในประเทศไทย โดยเปิดให้การส่งเสริมกิจการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะและกิจการผลิตผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
5-8 ปี
นอกจากนั้น เพื่อกระตุ้นให้มีการลงทุนที่จะสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
ยังได้ปรับปรุงให้สิทธิและประโยชน์ให้สูงขึ้น หากเป็นโครงการที่มีกระบวนการผลิตที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงหรือสร้างมูลค่าเพิ่มสูงหรือใช้องค์ความรู้สูง
เช่น ขั้นตอนการวิจัยและพัฒนา ขั้นตอนการออกแบบทางอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
อนุมัติให้ส่งเสริมโครงการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ
ที่ประชุมอนุมัติให้การส่งเสริมโครงการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ จำนวน 1 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 22,268 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา
มีขนาดกำลังผลิต 560 เมกะวัตต์