สมาคมประกันวินาศภัยไทย ร่วมกับ สมาคมประกันวินาศภัยแห่งประเทศญี่ปุ่น และสถาบันประกันภัยแห่งประเทศญี่ปุ่น จัดสัมมนา ISJ Overseas Seminar 2019 ในประเทศไทย ศึกษาต้นแบบของญี่ปุ่นพัฒนาอุตสาหกรรมประกันภัยของไทย

นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า สมาคมประกันวินาศภัยไทย (Thai General Insurance Association: TGIA) ร่วมกับ สมาคมประกันวินาศภัยแห่งประเทศญี่ปุ่น (The General Insurance Association of Japan: GIAJ) และ สถาบันประกันภัยแห่งประเทศญี่ปุ่น (The General Insurance Institute of Japan: GIIJ) จัดการสัมมนา The Insurance School (Non-Life) of Japan Overseas Seminar 2019 หรือ ISJ Overseas Seminar 2019 ขึ้น ณ กรุงเทพมหานคร ในหัวข้อเรื่อง “Providing Better Services in a Reliable and Sustainable Manner” เพื่อระดมความคิดเห็น และแลกเปลี่ยนมุมมองในการพัฒนาอุตสาหกรรมประกันภัยของไทย โดยได้รับเกียรติจาก ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย กล่าวปาฐกถาพิเศษ การสัมมนาจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-11 กันยายน 2562 ณ ห้องบอลรูม 2-3 โรงแรมโซฟิเทล กรุงเทพ สุขุมวิท  

การจัดสัมมนาในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจประกันภัยของประเทศไทย และประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีขนาดธุรกิจรวมกันมีมูลค่าเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้นกว่า 3.44 ล้านล้านบาท (ปี 2018) การจัดสัมมนามีวัตถุประสงค์เพื่อพบปะ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน โดยมีหน่วยงานกำกับดูแลและผู้เชี่ยวชาญด้านประกันภัยจากบริษัทประกันภัยของไทย ตลอดจนองค์กรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการสัมมนา สำหรับการจัด ISJ Overseas Seminar ที่ประเทศไทยนั้นเคยมีการจัดมาแล้วรวม 4 ครั้ง เมื่อปี พ.ศ. 2536 2544 2550 และ 2557 ตามลำดับ การจัดสัมมนาครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 ในรอบ 26 ปี โดยทางสมาคมประกันวินาศภัยแห่งประเทศญี่ปุ่น (GIAJ) และสถาบันประกันภัยแห่งประเทศญี่ปุ่น (GIIJ) นั้นจะมีการจัด ISJ Overseas Seminar หมุนเวียนไปยังประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญทั้งภาครัฐและเอกชนจากประเทศญี่ปุ่นมาให้ข้อมูล ความรู้ และการปฏิบัติที่เกิดขึ้นในตลาดประกันภัยที่พัฒนาของประเทศญี่ปุ่นมาเป็นต้นแบบในการศึกษาและพัฒนาธุรกิจประกันภัยให้กับประเทศต่าง ๆ (รายละเอียดเนื้อหาข่าวตามเอกสารแนบ)

สำหรับ ISJ Overseas Seminar ในปีนี้มีหัวข้อการสัมมนาเรื่อง “Providing Better Services in a Reliable and Sustainable Manner” ซึ่งได้นำเสนอประเด็นหลักเกี่ยวกับการให้บริการที่น่าเชื่อถือและเกิดความยั่งยืนในธุรกิจประกันภัย นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอหัวข้อต่าง ๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ การประเมินความเสี่ยงและความมั่นคงทางการเงินของบริษัท (Own Risk and Solvency Assessment: ORSA) การบริหารความเสี่ยงองค์กร (Enterprise Risk Management: ERM) ระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างบริษัทประกันภัย การให้บริการและการจัดการข้อร้องเรียน อนาคตและการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมประกันภัยรถยนต์รวมถึงการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อให้บริษัทประกันวินาศภัยของไทยที่เข้าร่วมการสัมมนาได้รับข้อมูลความรู้ที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาอุตสาหกรรมการประกันภัยของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป นอกจากนี้ สมาคมประกันวินาศภัยแห่งประเทศญี่ปุ่น (GIAJ) และ สถาบันประกันภัยแห่งประเทศญี่ปุ่น (GIIJ) ยังได้ร่วมกันจัดงานสังสรรค์ศิษย์เก่า (ISJ Graduates Reunion Party) ขึ้นเพื่อให้ศิษย์เก่าทุกรุ่นได้มาร่วมพบปะ พูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในฐานะที่ผ่านการอบรมจากสถาบันเดียวกันอีกด้วย

นายอานนท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า The Insurance School (Non-Life) of Japan หรือ ISJ นั้นเป็นสถาบันการศึกษาหลักสูตรนานาชาติด้านประกันวินาศภัยที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาบุคลากรด้านการประกันวินาศภัยที่ดำเนินการมาเป็นเวลาถึง 47 ปี ซึ่งได้ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 โดยภาคอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยในประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้ให้การสนันสนุนทั้งด้านเงินทุนและบุคลากรในการฝึกอบรม

สำหรับหลักสูตรการอบรมของ ISJ นั้นประกอบด้วย

1.     หลักสูตรการประกันวินาศภัยทั่วไป (ISJ General Course) จัดอบรมในเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายนของทุกปี

2.     หลักสูตรการประกันวินาศภัยขั้นสูง (ISJ Advanced Course) จัดขึ้น ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มีระยะเวลาการอบรม 2 สัปดาห์ จัดอบรมในเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายนของทุกปี

ซึ่งทั้งสองหลักสูตรนี้มีผู้บริหารบริษัทประกันวินาศภัยของประเทศไทยเป็นศิษย์เก่ารวมทั้งหมด 249 คน

3.     หลักสูตร ISJ Overseas Seminar เป็นการจัดสัมมนาในประเทศต่าง ๆ หมุนเวียนกันไปในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

จากความร่วมมือระหว่างกันในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดและแนบแน่นที่ดีต่อกันมาอย่างยาวนาน และเป็นโอกาสพิเศษอีกครั้งหนึ่งที่ภาคธุรกิจประกันภัย และภาครัฐของทั้งสองประเทศได้มีโอกาสพบปะ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมประกันภัยของไทยให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืน นายอานนท์ กล่าวทิ้งท้าย

Visitors: 11,025,271