กระทรวงยุติธรรม และ พีทีที โออาร์ ร่วมสร้างคนดีกลับสู่สังคม ศึกษาช่องทางการสนับสนุนสินค้าและบริการจากผู้กระทำผิดที่อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงยุติธรรมผ่านธุรกิจของ พีทีที โออาร์

พล.อ.อ. ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่องการศึกษาความเป็นไปได้เพื่อส่งเสริมการสร้างงานโดยการอุดหนุนผลิตภัณฑ์ และ/ หรือ บริการ จากผู้กระทำผิดที่อยู่ภายใต้การควบคุม ดูแล ของกระทรวงยุติธรรม ระหว่าง กระทรวงยุติธรรม และ บริษัท ปตท.  น้ำมันและการค้าปลีก   จำกัด  (มหาชน)  หรือ   พีทีที  โออาร์  โดยมีนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานกรรมการ พีทีที โออาร์ และนางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ พีทีที โออาร์ ให้การต้อนรับ ณ อาคาร ปตท. สำนักงานใหญ่   

ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมได้ ริเริ่มโครงการส่งเสริมการสร้างงาน ทั้งด้านผลิตภัณฑ์และบริการของผู้กระทำผิดที่อยู่ภายใต้การควบคุม ดูแลของหน่วยงานด้านการพัฒนาพฤตินิสัยของกระทรวงยุติธรรมผ่าน 3 หน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ได้แก่ กรมราชทัณฑ์ กรมคุมประพฤติ และกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ซึ่งมีภารกิจหลักในการควบคุม แก้ไข ฟื้นฟูและสงเคราะห์ผู้กระทำผิดให้กลับตนเป็นพลเมืองดี ไม่หวนกลับมากระทำผิดซ้ำ เป็นการสร้างคนดีกลับคืนสู่สังคมอย่างยั่งยืน โดยความร่วมมือในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการส่งเสริมทักษะอาชีพ/ การสร้างงานโดยการพัฒนาและอุดหนุนผลิตภัณฑ์และบริการของผู้กระทำผิด เพื่อส่งเสริมให้ผู้กระทำผิดมีงานทำภายหลังพ้นโทษ ให้เกิดการยอมรับจากสังคม รวมถึงเพื่อลดอัตราการกระทำผิดซ้ำของผู้กระทำผิด สามารถคืนคนดีสู่สังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่  พีทีที โออาร์ กล่าวว่า พีทีที โออาร์ ยินดีที่ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติร่วมกับหน่วยงานภาครัฐตามวิสัยทัศน์ของ พีทีที โออาร์ ที่มุ่งสร้างคุณค่าร่วมให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างสมดุล โดย พีทีที โออาร์ จะศึกษาความเป็นไปได้ร่วมกับกระทรวงยุติธรรม     ในการสนับสนุนสินค้าและบริการของผู้กระทำผิดผ่านธุรกิจของพีทีที โออาร์ อาทิ สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น และร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอนทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสในการจำหน่าย และร่วมส่งเสริมทักษะอาชีพการสร้างงานของผู้กระทำผิด ให้เกิดการพัฒนาด้านพฤตินิสัย และเตรียมความพร้อมให้ผู้กระทำผิดได้มีอาชีพติดตัว นำไปประกอบอาชีพสุจริตต่อไปในอนาคต ทั้งนี้ โครงการฯ ดังกล่าว มีระยะเวลา 1 ปี ระหว่าง เดือนเมษายน ปี 2562 ถึง เดือนมีนาคม ปี 2563

 

ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขและฟื้นฟูผู้กระทำผิด พัฒนาให้เกิดทักษะวิชาชีพ อันจะเป็นการยกระดับความรู้ความสามารถของผู้กระทำผิด นำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้กระทำผิดและครอบครัวภายหลังพ้นโทษ ช่วยลดปัญหาภาคสังคมของประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป

Visitors: 11,025,141