“กกพ.” ไฟเขียว “โกลว์”ขาย“เอสพีพี 1”ดีล“จีพีเอสซี–โกลว์”ผ่านฉลุย

“กกพ.” รับทราบการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นของ บริษัท โกลว์ เอสพีพี 1 จำกัด จากการขายหุ้นของ “โกลว์” ให้กับ “บี.กริม” ตามเงื่อนไข เดินหน้า เห็นชอบให้  “จีพีเอสซี” ควบรวม “โกลว์” ทันที 

                นางสาวนฤภัทร อมรโฆษิต เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะ โฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ก่อนหน้านี้ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ จีพีเอสซีได้ยื่นเรื่องเพื่อขออนุญาต กกพ. ในการซื้อหุ้น และรวมกิจการกับ บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือ โกลว์และ กกพ. มีมติเป็นเอกฉันท์ไม่อนุญาต ในเวลาต่อมา จีพีเอสซี ได้มีการยื่นขออุทธรณ์มติ กกพ. ที่ไม่เห็นชอบให้รวมกิจการระหว่างกัน และ กกพ. ยืนยันมติ พร้อมกับยกคำอุทธรณ์ของจีพีเอสซี  ต่อมาในเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2561 กกพ. ได้มีมติให้ความเห็นชอบในหลักการให้ จีพีเอสซี รวมกิจการกับ โกลว์ ได้ โดยกำหนดเงื่อนไขการรวมกิจการให้ โกลว์ ขายกิจการของบริษัท โกลว์ เอสพีพี 1 จำกัด (SPP1) ให้แล้วเสร็จก่อนหรือเวลาเดียวกันกับการดำเนินการรวมกิจการกับ จีพีเอสซี เพื่อมิให้มีการรวมกิจการที่มีลักษณะก่อให้เกิดการผูกขาดลดการแข่งขัน หรือจำกัดการแข่งขันในการให้บริการพลังงานในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราชตะวันออก และเห็นชอบให้กำหนดเงื่อนไขสำหรับผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการจำหน่ายไฟฟ้าซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทในเครือของ GLOW ทุกรายต้องปฏิบัติภายหลังการรวมกิจการด้วย

“เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2562 กกพ. ได้มีมติเห็นชอบให้ จีพีเอสซี รวมกิจการกับ โกลว์ แล้ว ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังจากที่ กกพ. มีมติรับทราบการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นของ SPP1 โดยปัจจุบัน โกลว์ ได้ดำเนินการลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น SPP1 ให้แก่บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ เซอร์วิส (แหลมฉบัง) จำกัด (BPSLC) เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม สำหรับใบอนุญาตการประกอบกิจการพลังงานของ SPP1 จะยังคงประกอบกิจการได้ตามปกติ โดยที่จะไม่ต้องเปลี่ยนแปลงชื่อนิติบุคคลผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการพลังงานแต่อย่างใด

การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นดังกล่าวส่งผลให้ B.GRIMM จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมทั้งหมดเป็น 1,335.36 เมกะวัตต์ และคิดเป็นสัดส่วนเพียง 2.45% ของกำลังผลิตไฟฟ้าทั้งประเทศ ถือเป็นสัดส่วนที่น้อยมากจนไม่มีผลกระทบต่อส่วนแบ่งการตลาดในการให้บริการพลังงานไฟฟ้าในเชิงภาพรวมของประเทศ” นางสาวนฤภัทร กล่าว

ก่อนหน้านี้ บริษัท โกลว์ เอสพีพี 1 จำกัด เป็นหนึ่งในผู้ประกอบธุรกิจให้บริการไฟฟ้าและไอน้ำ มีกำลังการผลิตติดตั้ง 148.96 MW เพื่อจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ภาคเอกชนในพื้นที่อุตสาหกรรมเหมราชตะวันออก จากทั้งหมด จำนวน 2 ราย โดยที่ผู้ประกอบธุรกิจอีกรายหนึ่งในพื้นที่เดียวกันคือ จีพีเอสซี ซึ่งภายหลัง ทาง  จีพีเอสซี ได้เจรจาขอซื้อหุ้นโกลว์ทั้งหมดจากกลุ่มเอนจี (Engie)  ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งถืออยู่เป็นสัดส่วน 69.11% ส่งผลให้ธุรกิจในเครือทั้งหมดของโกลว์ จะถูกบริหารภายใต้กลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่คือ จีพีเอสซี โดยจะส่งผลให้พื้นที่ดังกล่าวเกิดภาวะลดการแข่งขัน

กกพ. มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลอัตราค่าบริการ และคุณภาพบริการ รวมถึงมาตรฐานสัญญาการให้บริการ และการดำเนินการภายหลังการรวมกิจการ โดยตามมติ กกพ. ในคราวการประชุมเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2561 ได้เห็นชอบให้กำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมท้ายใบอนุญาตประกอบกิจการจำหน่ายไฟฟ้า ให้แก่ โกลว์ จำนวน 11 ข้อ และผู้รับใบอนุญาตบริษัทในเครือทุกรายต้องปฏิบัติภายหลังการรวมกิจการด้วย ทั้งนี้ เงื่อนไขดังกล่าวจะมีการทบทวนหรือประเมินผลโดยคณะทำงานที่แต่งตั้งโดย กกพ. เพื่อให้ความคุ้มครอง เป็นธรรมกับทุกฝ่าย และสร้างความมั่นใจกับผู้รับบริการในเขตพื้นที่ดังกล่าวที่จะไม่ได้รับผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจจากกรณีการรวมกิจการดังกล่าวด้วย

“โดย กกพ. เชื่อมั่นว่า การพิจารณาและมีมติดังกล่าว ได้ยึดมั่นในการส่งเสริมและสนับสนุน แนวทางการ ค้าเสรี อย่างเป็นธรรม สร้างบรรยากาศที่ดีต่อการลงทุนทั้งภายในประเทศ และการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งผ่านการตรวจสอบความถูกต้องอย่างรอบคอบแล้วว่าไม่ขัดต่อกฎหมาย และไม่เข้าข่ายเป็นการผูกขาด หรือลดการแข่งขันในภาพรวมของการผลิตไฟฟ้าทั้งประเทศของผู้ผลิตไฟฟ้ารับอนุญาต” นางสาวนฤภัทร กล่าวย้ำ

Visitors: 11,025,252