รมว.คลัง สั่งปิด เจ้าพระยาประกันภัย แล้ว
วันที่ 7 กันยายน
พ.ศ. 2561 นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
มีคำสั่งที่ 1213/2561 ลงวันที่ 7 กันยายน
พ.ศ. 2561 ให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย
ของบริษัท เจ้าพระยาประกันภัย จำกัด (มหาชน) แล้ว โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 59
(1) (2) และ (5) แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย
พ.ศ. 2535 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 7
กันยายน พ.ศ. 2561 เป็นต้นไป
โดย
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.)
ขอชี้แจงข้อเท็จจริงข้อกฎหมายและความเป็นมาเกี่ยวกับเรื่องนี้
ตลอดจนได้เตรียมมาตรการต่างๆเพื่อรองรับมิให้ผู้เอาประกันภัยและประชาชนได้รับผลกระทบดังนี้
1.
ตามที่ปรากฏหลักฐานต่อนายทะเบียนว่า บริษัท เจ้าพระยาประกันภัย
จำกัด (มหาชน) มีฐานะการเงินไม่มั่นคงจากการดำรงเงินกองทุนไม่ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด
มีหนี้สินเกินกว่าทรัพย์สิน
และยื่นงบการเงินและรายงานเกี่ยวกับฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงหลายครั้ง
มีพฤติกรรมปิดบังซ่อนเร้นฐานะการเงินหรือการดำเนินการ
โดยบันทึกรายการหนี้สินจากการประกันภัยต่อและเงินสำรองค่าสินไหมทดแทนที่ได้รับรายงานแล้ว
ต่ำกว่าความเป็นจริง
ทำให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.)
ไม่ทราบฐานะการเงิน ที่แท้จริงของบริษัท
และไม่สามารถมั่นใจได้ว่าบริษัทมีความสามารถในการชำระภาระผูกพันที่มีต่อ ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชนได้
จึงเป็นกรณีที่บริษัท เจ้าพระยาประกันภัย จำกัด (มหาชน)
มีฐานะหรือการดำเนินการอยู่ในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน
และ มีเหตุสมควรที่จะสั่งให้หยุดรับประกันภัยวินาศภัยเป็นการชั่วคราว
นายทะเบียนด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
ตามมติที่ประชุมครั้งที่ 3/2561 เมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2561 จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย
(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 มีคำสั่งที่
17/2561 ลงวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2561
สั่งให้บริษัทหยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว
และสั่งการให้บริษัทแก้ไขฐานะและการดำเนินการ ดังต่อไปนี้
ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2561
ดำรงเงินกองทุนให้ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด
ยื่นรายงานประมาณการฐานะการเงินและความเพียงพอของเงินกองทุนเป็นรายไตรมาสเป็นระยะเวลา
1 ปี เริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ของปี พ.ศ. 2561
ปรับปรุงการบันทึกรายการบัญชีให้ถูกต้องตรงต่อความเป็นจริง
เพื่อให้งบการเงินของบริษัท มีความน่าเชื่อถือ
และผ่านการรับรองจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาตที่แสดงความเห็นแบบไม่มีเงื่อนไข
หรือแบบมีเงื่อนไข
ในลักษณะที่ไม่เป็นเหตุให้บริษัทมีฐานะการเงินหรือการดำเนินการอยู่ในลักษณะอันอาจเป็นเหตุ
ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน
จัดให้มีระบบงานและบุคลากรที่มีคุณภาพ
ได้แก่ ระบบบัญชีการเงิน ระบบการรับเงินจ่ายเงิน ระบบการจัดการค่าสินไหมทดแทน
ระบบการบริหารความเสี่ยง ระบบการควบคุมภายในที่เหมาะสมและเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
และให้มีคู่มือการปฏิบัติงานของพนักงานอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมทั้งให้มีการทดสอบระบบงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
2. ต่อมานายทะเบียนด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
ตามมติที่ประชุมครั้งที่ 7/2561 เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2561 มีคำสั่งที่ 35/2561 ลงวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2561
ให้ขยายระยะเวลาการแก้ไขฐานะและการดำเนินงานตามที่บริษัท เจ้าพระยาประกันภัย จำกัด
(มหาชน) ร้องขอ โดยให้ขยายถึงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2561 ทั้งนี้
หากปรากฏหลักฐานต่อนายทะเบียนว่า
เจ้าหนี้ของบริษัทได้ตกลงหรือยินยอมเข้าร่วมโครงการแปลงหนี้เป็นทุนกับบริษัทตามคำร้องขอขยายระยะเวลา
ภายในวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2561 ให้ขยายระยะเวลาแก้ไขฐานะและการดำเนินการออกไปจนถึงวันที่
27 กันยายน พ.ศ. 2561
และบริษัทยังคงอยู่ภายใต้คำสั่งหยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว
แต่หากเจ้าหนี้ของบริษัทดังกล่าว ไม่ตกลงหรือยินยอมเข้าร่วมโครงการแปลงหนี้เป็นทุนของบริษัท
ภายในวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2561 นายทะเบียน จะนำเสนอคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยเพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายโดยเคร่งครัดต่อไป
ทั้งนี้ ได้มีการแจ้งให้บริษัททราบเงื่อนไขดังกล่าวแล้ว
3. ปรากฏว่า
เมื่อครบกำหนดระยะเวลาในวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2561 ไม่ปรากฏหลักฐานต่อนายทะเบียนว่า
เจ้าหนี้ของบริษัทได้ตกลงหรือยินยอมเข้าร่วมโครงการแปลงหนี้เป็นทุนกับบริษัทแต่อย่างใด
อีกทั้งบริษัทยังคงไม่สามารถแก้ไขปัญหาฐานะและการดำเนินการได้ครบถ้วน ได้แก่
ไม่สามารถดำรงเงินกองทุนให้ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด โดยปรากฏตามรายงานเกี่ยวกับฐานะการเงินและผลการดำเนินงานที่บริษัทนำส่งให้สำนักงาน
คปภ. ณ วันที่ 30
มิถุนายน พ.ศ. 2561 มีหนี้สินเกินกว่าทรัพย์สิน จำนวน 267.78
ล้านบาท มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน
จำนวนร้อยละ -210.28 จัดสรรเงินสำรองตามมาตรา 23
และจัดสรรสินทรัพย์ไว้สำหรับหนี้สินและภาระผูกพันตามสัญญาประกันภัย ตามมาตรา 27/4 ไม่ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด จำนวน 79.44 ล้านบาท และ 157.18 ล้านบาท
ตามลำดับ แม้ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตตรวจสอบและรับรองงบการเงิน
ณ วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2561 แต่รายงานของผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแสดงความเห็นแบบมีเงื่อนไขเกี่ยวกับความสามารถในการดำเนินงานต่อเนื่องอันเป็นสาระสำคัญ
เนื่องจาก บริษัทมีหนี้สินรวมสูงกว่าทรัพย์สิน 267.78 ล้านบาท ซึ่งการให้ความเห็นแบบมีเงื่อนไขดังกล่าวเป็นลักษณะที่เป็นเหตุให้บริษัทมีฐานะการเงินหรือการดำเนินการอยู่ในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน
คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกจประกันภัย ในการประชุมครั้งที่ 10/2561
วันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2561 จึงมีมติให้เสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
เพื่อพิจารณามีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของบริษัท
เจ้าพระยาประกันภัย จำกัด (มหาชน)
4. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาแล้วเห็นว่า
บริษัท เจ้าพระยาประกันภัย จำกัด (มหาชน) มีหนี้สินเกินกว่าทรัพย์สิน
มีฐานะการเงินไม่มั่นคง ไม่สามารถดำรงเงินกองทุนให้ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด
มีการกระทำที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งกฎหมายหลายประการ
ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่ ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน
และไม่สามารถแก้ไขปัญหาสำคัญของบริษัทได้ภายในระยะเวลาที่สมควร
ถ้าให้ประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยต่อไป
จะทำให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนหรือผู้เอาประกันภัย
ตลอดจนความน่าเชื่อถือของธุรกิจประกันภัย ดังนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 59 (1) (2) และ (5)
แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535
จึงมีคำสั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของบริษัท
เจ้าพระยาประกันภัย จำกัด (มหาชน)
และหากบริษัทไม่เห็นด้วยกับคำสั่งนี้
มีสิทธิเสนอคำฟ้องยื่นต่อศาลปกครองกลางภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับทราบคำสั่ง
5. ในการนี้
คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 60
และมาตรา 62 แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย
พ.ศ. 2535 แต่งตั้งให้กองทุนประกันวินาศภัย เป็นผู้ชำระบัญชี
6. เนื่องจากการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของ บริษัท
เจ้าพระยาประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นปัญหาฐานะการเงินและการจัดการภายในของบริษัทจึงไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางการเงินหรือสภาพคล่องของบริษัทประกันวินาศภัยอื่น
หรือธุรกิจประกันภัยในภาพรวมแต่อย่างใด ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. ได้เตรียมมาตรการที่จะช่วยเหลือผู้เอาประกันภัย
เพื่อรองรับมิให้ผู้เอาประกันภัยได้รับผลกระทบไว้แล้ว
7. สำหรับแนวทางการช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยและประชาชน
สำนักงาน คปภ. ได้ดำเนินการ ดังนี้
สำนักงาน คปภ.
ได้รับความร่วมมือจากบริษัทประกันวินาศภัย จำนวน 26
บริษัท
ที่ยินดีรับโอนกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ที่ยังมีผลผูกพันของผู้เอาประกันภัยที่ได้ทำไว้กับบริษัท
เจ้าพระยาประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยมีเงื่อนไข ดังนี้
กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ (ภาคสมัครใจ)
ผู้เอาประกันภัยสามารถขอทำประกันภัยสำหรับความคุ้มครองตามระยะเวลาของกรมธรรม์เดิม
โดยบริษัทจะขยายระยะเวลาความคุ้มครองเพิ่มเติมให้เท่ากับระยะเวลาที่เหลืออยู่
โดยไม่คิดค่าเบี้ยประกันภัยเพิ่ม หรือ
ผู้เอาประกันภัยสามารถขอทำประกันภัยสำหรับความคุ้มครอง 1 ปี โดยบริษัทประกันภัยจะให้ส่วนลดเบี้ยประกันภัยเท่ากับจำนวนเบี้ยประกันภัยตามส่วนเฉลี่ยของระยะเวลาประกันภัยที่เหลืออยู่ตามกรมธรรม์เดิม
ทั้งนี้ ส่วนลดที่จะให้แก่ผู้เอาประกันภัยจะไม่น้อยกว่าร้อยละ 25
ของเบี้ยประกันภัยเต็มปีของกรมธรรม์ประกันภัยเดิม
กรมธรรม์ประกันภัยประเภทอื่น ๆ
นอกเหนือจากกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ (ภาคสมัครใจ) ผู้เอาประกันภัยสามารถขอทำประกันภัยสำหรับความคุ้มครองตามระยะเวลาของกรมธรรม์เดิม
โดยบริษัทจะขยายระยะเวลาความคุ้มครองเพิ่มเติมให้เท่ากับระยะเวลาที่เหลืออยู่
โดยไม่คิดค่าเบี้ยประกันภัยเพิ่ม
ทั้งนี้ ผู้เอาประกันภัยจะต้องโอนสิทธิที่จะได้รับเบี้ยประกันภัยสำหรับระยะเวลาที่เหลือจากกองทุนประกันวินาศภัย
ในฐานะผู้ชำระบัญชีของบริษัท เจ้าพระยาประกันภัย จำกัด (มหาชน)
ให้แก่บริษัทที่รับโอนกรมธรรม์ประกันภัยนั้นด้วย
สำหรับกรณีที่กรมธรรม์ประกันภัยมีความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดของกองทุนประกันวินาศภัย
ในฐานะผู้ชำระบัญชีของบริษัท เจ้าพระยาประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยสำนักงาน คปภ.
ในทุกพื้นที่ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคจะทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานและอำนวยความสะดวกแก่ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชนเป็นเบื้องต้น
สำหรับผู้เป็นเจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัยของบริษัท
ให้ยื่นขอรับชำระหนี้ต่อกองทุนประกันวินาศภัย ในฐานะผู้ชำระบัญชีของบริษัท
เจ้าพระยาประกันภัย จำกัด (มหาชน) ภายใน 60
วันนับแต่วันที่กองทุนประกันวินาศภัยกำหนดในประกาศ โดยให้นำเอกสารต้นฉบับพร้อมทั้งสำเนา จำนวน 2 ชุด ประกอบการยื่นขอรับชำระหนี้ ดังนี้
กรมธรรม์ประกันภัย บัตรประจำตัวประชาชน ใบเคลม
ใบนัดชำระหนี้ หรือเอกสารอื่นใดที่แสดงถึงมูลหนี้
หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล (กรณีเป็นนิติบุคคล)
สำหรับเจ้าหนี้อื่นที่ไม่ใช่เจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัย
ให้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อกองทุนประกันวินาศภัยในฐานะผู้ชำระบัญชีของบริษัท
เจ้าพระยาประกันภัย จำกัด (มหาชน) ภายใน 60
วันนับแต่วันที่กองทุนประกันวินาศภัยกำหนดในประกาศ
พร้อมทั้งนำเอกสารแสดงความเป็นเจ้าหนี้ ต้นฉบับพร้อมทั้งสำเนา จำนวน 1 ชุด ประกอบการยื่นขอรับชำระหนี้ ดังนี้ หลักฐานแสดงถึงมูลหนี้
บัตรประจำตัวประชาชน หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล (กรณีเป็นนิติบุคคล)
หากเจ้าหนี้ไม่สามารถยื่นได้ด้วยตนเอง
จะต้องมีหนังสือมอบอำนาจโดยติดอากรแสตมป์ 30 บาท พร้อมกับสำเนาบัตรประชาชนผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ
ยื่นต่อกองทุนประกันวินาศภัย ในฐานะ ผู้ชำระบัญชีของบริษัท เจ้าพระยาประกันภัย
จำกัด (มหาชน)
สถานที่ที่สามารถยื่นคำขอรับชำระหนี้
มีดังต่อไปนี้
ส่วนกลาง ยื่นได้
3 แห่ง ดังนี้
กองทุนประกันวินาศภัย
อาคารชินวัตรทาวเวอร์ 3 ชั้น 15 เลขที่ 1010 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจตุจักร
เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 หมายเลขโทรศัพท์ 0-2791-1444
ต่อ 11-15 และ 21-24
สำนักงาน คปภ. เขตท่าพระ
เลขที่ 287
ซอยรัชดาภิเษก 6 ถนนรัชดาภิเษก-ท่าพระ
แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร 10600
หมายเลขโทรศัพท์ 0-2476-9940-3
สำนักงาน คปภ. เขตบางนา
เลขที่ 1/16
อาคารบางนาธานี ชั้น 8 ถนนบางนาตราด
กม.3 แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260 หมายเลขโทรศัพท์ 0-2361-3769-70
ในส่วนของพื้นที่ต่างจังหวัด
สามารถยื่นขอรับชำระหนี้ได้ที่ สำนักงาน คปภ. ภาค และสำนักงาน คปภ. จังหวัด
ทั่วประเทศ ทั้งนี้ เจ้าหนี้สามารถดาวน์โหลดแบบคำทวงหนี้ได้ที่ www.gif.or.th
หัวข้อ “แบบฟอร์ม” ได้อีกด้วย
ปัจจุบันมีการจัดตั้งกองทุนประกันวินาศภัยขึ้น
เพื่อช่วยเหลือเจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิได้รับชำระหนี้ที่เกิดจากการเอาประกันภัย
ในกรณีที่บริษัทถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย
โดยเจ้าหนี้ฯมีสิทธิได้รับชำระหนี้ที่เกิดจากสัญญาประกันภัยจากกองทุนประกันวินาศภัย
ซึ่งเมื่อรวมกับจำนวนที่ได้รับการเฉลี่ยจากหลักทรัพย์ประกันและเงินสำรองที่วางไว้กับนายทะเบียนแล้ว
ไม่เกินรายละ 1 ล้านบาท
สำหรับรายชื่อบริษัทประกันวินาศภัยที่เข้าร่วมโครงการให้ความช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยสามารถ ดูได้จากเว็บไซต์ของสำนักงาน คปภ. (www.oic.or.th)
หรือสอบถามได้ที่สายด่วน คปภ. 1186