บลจ.กสิกรไทย แนะรับมือตลาดผันผวนด้วย “Core Port กองทุนผสม”หลังสหรัฐฯ ประกาศมาตรการภาษีใหม่กับจีน
นายวิน พรหมแพทย์, CFA ประธานกรรมการบริหาร
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย)เปิดเผยถึงสถานการณ์ตลาดทุนล่าสุด
ภายหลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนในอัตรา 125% เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 ในขณะที่ประเทศอื่นๆ
ได้รับการผ่อนผันภาษีเป็นระยะเวลา 90 วัน
โดยถูกเก็บภาษีในอัตรา 10% เท่านั้น ซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยี AI และกลุ่มป้องกันประเทศ
ในส่วนของตลาดทั่วโลกที่เคยมีความผันผวนสูงก่อนหน้านี้ ก็เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัว
เนื่องจากการเก็บภาษีครั้งนี้เน้นเป้าหมายไปที่ประเทศจีนเป็นหลัก
นายวินกล่าวต่อไปว่า บลจ.กสิกรไทย
ได้ประเมินสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นออกเป็น 3 แนวทาง ได้แก่ 1)
สถานการณ์เจรจาสำเร็จ หากสหรัฐฯ
และจีนสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ภายใน 90 วัน
จะส่งผลให้ตลาดหุ้นกลับมาเติบโต ค่าเงินในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) แข็งค่าขึ้น และหุ้นกลุ่มสินค้าตามวัฏจักรเศรษฐกิจ (Cyclical
Stocks) จะได้รับประโยชน์
ในขณะที่การถือครองทองคำและเงินสดอาจลดความน่าสนใจลง 2)
สถานการณ์ยืดเยื้อ หากการเจรจาไม่ประสบความสำเร็จ
และทั้งสองฝ่ายยังคงดำเนินมาตรการภาษีต่อไป หรือเพิ่มอัตราภาษีขึ้นอีก
จะส่งผลให้ตลาดมีความผันผวนสูง ผู้ลงทุนจะกลับมาโฟกัสในสินทรัพย์ปลอดภัย
และมีความผันผวนต่ำอย่างทองคำมากขึ้น และ 3)
สถานการณ์แตกขั้วถาวร หากเศรษฐกิจโลกแบ่งออกเป็นสองขั้วอย่างถาวรระหว่างสหรัฐฯ
และจีน ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกจะเปลี่ยนแปลง
และอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในระยะยาวอาจชะลอตัวลง
กลุ่มธุรกิจที่อาจได้รับประโยชน์ ได้แก่
กลุ่มบริษัทที่ย้ายฐานการผลิตกลับสู่สหรัฐฯ (Reshoring)
กลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่บางแห่ง เช่น
อินเดียและเวียดนาม เป็นต้น
นายวินกล่าวเพิ่มเติมว่า จากสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูงนี้
บลจ.กสิกรไทย ตระหนักถึงความกังวลของผู้ลงทุน
และขอแนะนำกลยุทธ์การลงทุนที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการรับมือกับทุกสภาวะตลาด
นั่นคือ การกระจายการลงทุน (Asset Allocation) โดยแนะนำให้ผู้ลงทุนจัดสรรพอร์ตการลงทุนหลัก
(Core
Portfolio) ประมาณ 80% ในกองทุนผสม K-WealthPLUS Series ที่มีนโยบายเน้นการลงทุนระยะยาวตามหลักการ Asset
Allocation ซึ่งมีให้เลือก 3 กองทุน ได้แก่ K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP และ K-WPULTIMATE ทั้งนี้ จุดเด่นของกองทุนผสม K-WealthPLUS Series คือความสามารถในการปรับพอร์ตการลงทุนให้ทันต่อสถานการณ์
โดยทีมผู้เชี่ยวชาญจาก บลจ.กสิกรไทย และ J.P. Morgan Asset Management (JPMAM) ซึ่งเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่เข้ามาดูแลพอร์ตการลงทุนอย่างใกล้ชิด
ครอบคลุมทั้งการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด การบริหารความเสี่ยง
และการกำกับดูแลการบริหารจัดการกองทุนอย่างเข้มงวด
“ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
ทีมผู้จัดการกองทุนได้ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทยเหลือศูนย์
ลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ไทย
เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาด ซึ่งเป็นไปตามหลักการของ Core Portfolio ที่มุ่งหวังให้พอร์ตการลงทุนเติบโตได้ในตลาดขาขึ้น
และลดผลกระทบจากการปรับตัวลงของตลาด ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย เชื่อมั่นว่า การลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงผ่านกองทุนผสม
K-WealthPLUS Series เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการสร้างพอร์ตการลงทุนที่แข็งแกร่ง
และสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในทุกสภาวะตลาด” นายวินกล่าว
ผู้ลงทุนที่สนใจกองทุน K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP และ K-WPULTIMATE สามารถเริ่มต้นลงทุนได้เพียง 500 บาท
ซื้อง่ายอย่างปลอดภัยผ่าน App K PLUS และ K-My Funds หรือ ธนาคารกสิกรไทย หรือ
ผู้แทนสนับสนุนการขาย ทั้งนี้
ผู้ลงทุนติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกช่องทางของกสิกรไทย หรือ
ผู้แทนสนับสนุนการขาย สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673
3888 และศึกษาข้อมูลด้วยตัวเองได้ที่ www.kasikornasset.com