กสิกรไทยได้รับการยกย่องด้านการเปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจาก CDP องค์กรสากลที่มีฐานข้อมูลออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ครอง CDP Climate Change ระดับ A List
(Leadership Level) ต่อเนื่อง 3 ปีเป็นธนาคารแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นางสาวขัตติยา
อินทรวิชัย
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยผลการพิจารณาของ Carbon
Disclosure Project (CDP) องค์กรระดับโลกที่เชี่ยวชาญและได้รับการยอมรับในแวดวงด้านบริหารการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
และมีฐานข้อมูลออนไลน์ด้านการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศให้ธนาคารกสิกรไทยได้รับผลการประเมิน
CDP 2024 ในระดับสูงสุด
A List (Leadership Level) ในการเปิดเผยข้อมูลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
นับเป็นธนาคารแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ได้มาตรฐานผู้นำระดับ A
List ติดต่อกัน
เป็นปีที่ 3
โดยธนาคารมุ่งหวังที่จะรักษาความเป็นผู้นำในมาตรฐานความยั่งยืนระดับสากล
พร้อมสนับสนุนลูกค้าและภาคธุรกิจให้สามารถปรับตัวและเดินหน้าสู่สังคมที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ไปด้วยกัน
รวมทั้งสร้างโอกาสโดยพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางธุรกิจที่สอดคล้องกับบริบททางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน การได้อยู่ในระดับ A
List อย่างต่อเนื่อง สะท้อนการเปิดเผยข้อมูลและการทำงานของธนาคารในการบริหารการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตลอดห่วงโซ่คุณค่าของธนาคาร
การกำหนดนโยบายและกลยุทธ์ การบริหารความเสี่ยงและโอกาส รวมถึงความพยายามบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งในการดำเนินงานภายในของธนาคารและพอร์ตโฟลิโอของธนาคารอย่างต่อเนื่อง
โดยธนาคารกสิกรไทยให้คำมั่นในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์จากการดำเนินงานของธนาคาร (ขอบเขตที่ 1 และ 2) ภายในปี 2573 และจากพอร์ตโฟลิโอของธนาคาร
(ขอบเขตที่ 3) ตามเป้าหมายของประเทศไทย
อีกทั้งได้กำหนดเป้าหมายการสนับสนุนสินเชื่อและเงินลงทุนเพื่อความยั่งยืน100,000-200,000
ล้านบาท ภายในปี 2573 ด้วย
นอกจากนี้ ธนาคารยังได้รับผลการประเมินด้านความยั่งยืนที่โดดเด่นจากองค์กรระดับโลกอื่น
ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ ได้รับการประเมินให้เป็นสมาชิก Dow Jones Best-in-Class Indices
(เดิมเรียกว่า DJSI) สมาชิก
S&P Global Sustainability Yearbook และสมาชิก
FTSE4Good ต่อเนื่อง 9 ปีซ้อนทั้งสามรายการ
รวมถึงได้รับผลประเมินในระดับ AA จาก MSCI ESG Rating
ทุกรอบการประเมินตั้งแต่ปี 2562 แสดงถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจตามแนวทางด้านความยั่งยืนระดับสากล
เพื่อส่งมอบคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย