‘นภินทร’ ติดตามงานกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ผลักดันการแก้ปัญหานอมินีต่อเนื่อง
รมช.นภินทร
ติดตามผลงานกรมพัฒนาธุรกิจการค้าตามนโยบายที่ได้มอบไว้ โชว์ความสำเร็จ 3 ด้าน 1)
กำกับดูแลและสร้างธรรมาภิบาลธุรกิจ ที่เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลเพื่อป้องปรามการกระทำผิดของนอมินีและนิติบุคคลบัญชีม้าอย่างจริงจัง
พร้อมทำงานอย่างเต็มที่กับหน่วยงานพันธมิตรจับกุมผู้กระทำผิด 2)
ส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ เร่งพัฒนาธุรกิจกลุ่มเป้าหมายให้มีความพร้อมแข่งขัน
ทั้งธุรกิจแฟรนไชส์ ร้านอาหารไทย ธุรกิจบริการต่างๆ ที่รองรับเทรนด์สังคม
และธุรกิจโชห่วย และ 3) จดทะเบียนและข้อมูลธุรกิจ
ได้ปรับกระบวนงานให้บริการเตรียมพร้อมเข้าสู่ระบบออนไลน์แบบ 100% กลางปีนี้
การันตีออนไลน์ไม่มีเหงาเพราะยอดผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ระบบใช้งานง่าย ตอกย้ำการพัฒนามาถูกทาง เกิดความคุ้มค่าที่ลงทุน
นายนภินทร
ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินงานของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
เมื่อเร็วๆ นี้ว่า จากที่ตนได้มอบนโยบายการทำงานเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคธุรกิจไปสู่การปฏิบัติงานที่เป็นรูปธรรม ภายหลังรับฟังการรายงานผลการดำเนินงานถือว่าเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก
ได้เห็นนโยบายที่เปลี่ยนไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมในหลายด้าน เริ่มจาก ‘นโยบายกำกับดูแลและสร้างธรรมาภิบาลธุรกิจ’
ที่รัฐบาลให้ความสำคัญและกำชับให้ดำเนินการเร่งด่วน
โดยเฉพาะการแก้ปัญหานอมินีและบัญชีม้านิติบุคคล แต่ด้วยอำนาจหน้าที่ของกรมฯ
ที่มีอยู่อย่างจำกัด จึงได้ตั้งคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว
(Nominee)
ที่ตนเป็นประธานและคณะทำงานเพื่อบูรณาการอำนาจทางกฎหมายของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาทำงานร่วมกัน
ซึ่งจะมีความรวดเร็วในการติดตามและจับกุมผู้กระทำผิด โดยปี 2568
จะลงพื้นที่ตรวจสอบนิติบุคคล 26,830 ราย ในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว ค้าที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ e-Commerce/ขนส่ง/คลังสินค้า
ตนได้เน้นย้ำให้กรมฯ ทำงานส่วนนี้ให้เต็มที่
พร้อมนำเทคโนโลยีมาช่วยในการทำงาน
ซึ่งอยู่ระหว่างการนำแนวทางนี้ไปพัฒนาระบบวิเคราะห์พฤติกรรมนิติบุคคล (IBAS)
ที่จะช่วยติดตามความผิดปกติในการทำธุรกิจของนิติบุคคลเพื่อตัดไฟแต่ต้นลมก่อนที่จะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจในประเทศ
รมช.พณ.
กล่าวต่อว่า “สำหรับ ‘นโยบายส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ’ ผมมุ่งเน้นการเสริมแกร่งให้ผู้ประกอบการ SME ไทย โดยกรมฯ ได้ส่งเสริมธุรกิจในกลุ่มต่างๆ
เช่น แฟรนไชส์ที่มีเป้าหมายสูงสุดในการพาไปบุกตลาดต่างประเทศ ธุรกิจร้านอาหารไทยที่ยกระดับมาตรฐานภายใต้ตราสัญลักษณ์
THAI Select และส่งเสริมการตลาดให้เป็นที่รู้จัก เป็น Soft
Power ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ
สุขภาพและความงาม โลจิสติกส์
เป็นธุรกิจบริการที่รองรับความต้องการและพฤติกรรมของคนในสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป และธุรกิจโชห่วย
ที่ปีนี้จะเพิ่มกลุ่มร้านค้าโชห่วยทั่วไป
ไปสู่ร้านขายยา ร้านสินค้าเบ็ดเตล็ด เครื่องเขียน อุปกรณ์เบเกอรี่ ก่อสร้าง
และอุปกรณ์การเกษตร เป็นต้น ซึ่งธุรกิจดังกล่าวจะได้พัฒนาผ่านการอบรมให้ความรู้
การพัฒนามาตรฐานธุรกิจ การหาทำเลการค้า การเชื่อมโยงแหล่งทุน
การเจรจาธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการ SME ไทยเติบโตอย่างเข้มแข็ง
ทั้งนี้ ‘นโยบายพัฒนาการจดทะเบียนและข้อมูลธุรกิจ’ ผมได้เคยมอบนโยบายให้กรมฯ พัฒนางานบริการผ่านอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น ที่ผ่านมากรมฯ
ได้ปรับกระบวนงานและรูปแบบการใช้งานระบบให้เป็นออนไลน์ที่ง่ายเพื่อดึงดูดให้มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น
ในเดือนต.ค.-ก.พ.68 มีผู้ใช้งานผ่านระบบออนไลน์ต่อ walk-in คิดเป็นสัดส่วน 80:20ของคำขอใช้บริการจดทะเบียนนิติบุคคลและข้อมูลธุรกิจของกรมฯ
เพิ่มจากปีงบประมาณ 2567 ที่มีสัดส่วน 75:25 โดยกลางปีนี้กรมฯ
พร้อมที่จะให้บริการระบบออนไลน์แบบ 100% ทั้งการจดทะเบียนนิติบุคคลดิจิทัล (Biz
Regist) การยื่นคำขอรับใบอนุญาต/หนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวออนไลน์
(DBD e-Foreign Business) ระบบออกหนังสือรับรองนิติบุคคล (e-Service)
และระบบอื่นๆ ซึ่งจะทำให้บริการจดทะเบียนและข้อมูลธุรกิจของกรมฯ สะดวกสบายต่อผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น
และตนยังได้ย้ำให้กรมฯ เร่งจูงใจให้ผู้ใช้บริการเลือกใช้งานผ่านออนไลน์มากขึ้นเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการลงทุนของภาครัฐ
ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาไปสู่รัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย
#SuperDBD
#กรมพัฒนาธุรกิจการค้า #กระทรวงพาณิชย์