ไตรมาส 2/65 KTIS มีกำไรสุทธิ 689.5 ล้านบาท โต 236.5%รายได้เพิ่มจากปริมาณอ้อยพุ่ง แถมค่าเงินบาทอ่อนช่วยหนุน
KTIS ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสที่
2 ปี 2565 (ม.ค.-มี.ค.
65) โตแรง โดยมีกำไรสุทธิ 689.5 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 236.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 64 เผยปัจจัยหนุนมาจากปริมาณอ้อยที่มากกว่าปีก่อน ส่งผลให้มีรายได้จากการขายน้ำตาล เอทานอล
และไฟฟ้า เพิ่มขึ้น อีกทั้งราคาน้ำตาลตลาดโลกก็อยู่ในระดับที่สูงกว่าปีก่อน และค่าเงินบาทอ่อน
ทำให้เกิดกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และจากการทำราคาขายน้ำตาลที่ดีอีกด้วย
นายณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
(มหาชน) หรือกลุ่ม KTIS
ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่องครบวงจร เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ
ในงวดไตรมาสที่ 2 ปี 2565 (มกราคม-มีนาคม 2565) เติบโตได้ดี โดยมีรายได้รวม 5,558.2
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 83.0% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี
2564 และมีกำไรสุทธิ 689.5 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นถึง 236.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
“ด้วยปริมาณอ้อยที่เพิ่มขึ้น
สามารถนำมาผลิตน้ำตาลทรายได้มากขึ้น
และมีวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมต่อเนื่องมากขึ้นด้วย
ส่งผลให้มีรายได้จากการขายน้ำตาลทรายเพิ่มขึ้น 77.9% รายได้จากธุรกิจเอทานอลเพิ่มขึ้น 151.6%
รายได้จากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 14.2% และยังมีรายได้อื่นๆ
ที่เป็นผลพวงจากเงินบาทที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เกิดกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและจากการทำราคาขายน้ำตาลที่ดี”
นายณัฎฐปัญญ์ กล่าว
รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม KTIS
กล่าวด้วยว่า ฤดูหีบปี 63/64 ซึ่งประสบปัญหาภัยแล้ง
กลุ่ม KTIS มีอ้อยเข้าหีบเพียง 4.3 ล้านตัน แต่ปี 64/65
มีอ้อยเข้าหีบ 6.2 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 1.9 ล้านตัน
หรือ 44.2% และผลิตน้ำตาลทรายได้
6.3 ล้านกระสอบ สูงกว่าปีก่อนถึง 34.0% วัตถุดิบที่ส่งเข้าสู่โรงงานต่างๆ ทั้งโมลาสที่เข้าสู่โรงงานผลิต เอทานอล ชานอ้อยสำหรับผลิตเยื่อกระดาษชานอ้อยและผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง
รวมถึงโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงชีวมวลก็มีมากขึ้นด้วย จึงส่งผลให้รายได้รวมของบริษัทฯ
สูงกว่าปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ