ครม.เห็นชอบมาตรการช่วยลดค่าไฟกลุ่มเปราะบางเกือบ 20 ล้านรายวางเกณฑ์ช่วยครัวเรือนใช้ไฟไม่เกิน 300 หน่วย/เดือนต่ออีก 4 เดือน(ม.ค.–เม.ย.66) กลุ่มใช้ไม่เกิน 150 หน่วยจ่ายอัตราเดิม

 

ที่ประชุมครม.เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนจากราคาพลังงานที่สูงขึ้นให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือนตามอัตราลดหลั่น คาดช่วยเหลือครัวเรือนได้เกือบ 20 ล้านราย ใช้งบประมาณรวม 7,500 ล้านบาทเป็นระยะเวลา 4 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม - เมษายน 2566

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า วันนี้ (24 ม.ค. 66) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ราคาพลังงานที่สูงขึ้นตามข้อเสนอของกระทรวงพลังงาน โดยให้
ความช่วยเหลือส่วนลดค่าไฟแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน โดยแบ่งเป็นความช่วยเหลือให้ผู้ที่ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 1 - 150 หน่วยต่อเดือนให้ส่วนลดค่าไฟ 92.04 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งไม่มี
การปรับขึ้นค่า
Ft ในกลุ่มนี้ และได้รับอัตราค่าไฟฟ้าเท่ากับงวดที่ผ่านมา ส่วนผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 151 - 300 หน่วยต่อเดือน ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าจำนวน 67.04 สตางค์ต่อหน่วย เป็นระยะเวลา 4 เดือน (ม.ค. - เม.ย. 2566) โดยคาดว่าจะช่วยเหลือภาคครัวเรือนได้ 19.66 ล้านราย

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย ยูเครนยังมีแนวโน้มยืดเยื้อ ขณะที่ความต้องการใช้พลังงานโลกยังอยู่ในระดับสูง คาดว่าราคาพลังงานทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักผลิตไฟฟ้าจะยังคงอยู่ในระดับสูงตามตลาดโลก ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาระค่าครองชีพของประชาชนกลุ่มเปราะบาง จึงมีความจำเป็นที่ต้องดำเนินมาตรการบรรเทาผลกระทบด้านไฟฟ้าต่อเนื่องจากมาตรการเดิมที่ได้สิ้นสุดไปเมื่อเดือนธันวาคม 2565

 สำหรับงบประมาณที่ใช้ในการช่วยเหลือประมาณ 7,500 ล้านบาทในช่วงระยะเวลา 4 เดือนตั้งแต่เดือนมกราคม - เมษายน 2566 โดยแบ่งเป็นการใช้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง ในส่วนของเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 3,200 ล้านบาท และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) จัดสรรเงินสนับสนุนตามมติ กพช. เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 วงเงินรวมไม่ต่ำกว่า 4,300 ล้านบาท  

นอกจากนี้  คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้มีมติปรับลดอัตราค่าบริการรายเดือนผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัย อัตราปกติที่ใช้ไฟฟ้าเกินกว่า 150 หน่วยต่อเดือน และอัตราตามช่วงเวลาของการใช้ (Time of Use Tariff : TOU Tariff) ระดับแรงดันต่ำกว่า 12 กิโลโวลต์จากเดิม 38.22 ปรับลดลงเป็น 24.62 บาทต่อเดือน

ที่ผ่านมา รัฐบาล โดย กพช. ได้มีมติเน้นย้ำในการดูแลค่าไฟฟ้าสำหรับกลุ่มบ้านอยู่อาศัย โดยให้มีการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติเพื่อไม่ให้เพิ่มภาระอัตราค่าไฟฟ้า (ค่า Ft) สำหรับกลุ่มบ้านอยู่อาศัย นอกจากนี้ การประชุม ครม. ในวันนี้ก็ได้มีมติให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าสำหรับประชาชนผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยให้ได้รับความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลกยังคงอยู่ในระดับสูง และด้วยงบประมาณที่มีจำกัด ภาครัฐจึงต้องเน้นความช่วยเหลือให้กับกลุ่มเปราะบางเป็นหลักก่อน โดยได้จัดสรรงบประมาณให้การช่วยเหลือแก่กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากค่าไฟฟ้าตามหลักเกณฑ์ข้างต้นเป็นเวลา 4 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน 2566  ซึ่งในรอบค่า Ft ถัดๆ ไป คาดว่าต้นทุนเชื้อเพลิงมีทิศทางที่จะปรับลดลง ทำให้สถานการณ์ค่า Ft มีแนวโน้มบรรเทาลง ซึ่งในปี 2565 ที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานได้พยายามดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อบริหารต้นทุนค่าเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าเพื่อลดผลกระทบจากราคาก๊าซนำเข้าที่แพงขึ้นเป็นอย่างมาก รวมทั้งได้มีมาตรการต่างๆ อาทิ การปรับเปลี่ยนเชื้อเพลิง การเพิ่มการจัดหาก๊าซจากแหล่งภายในประเทศที่มีราคาถูก การลดการใช้ก๊าซในภาคอุตสาหกรรมและปิโตรเคมี ซึ่งมาตรการต่างๆ ที่ได้ดำเนินการมานั้น สามารถลดต้นทุนค่าเชื้อเพลิงให้กับประเทศได้ประมาณ 8 หมื่นล้านบาทนายสุพัฒนพงษ์กล่าว

 

Visitors: 11,025,163