TOA ยอดขาย Q1/65 พุ่งต่อเนื่อง สู้ต้นทุนวัตถุดิบ-กำไรลด เผยบอร์ดไฟเขียวซื้อหุ้นโรงงานผลิตเคมีภัณฑ์ก่อสร้าง
บริษัท
ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ทีโอเอ ผู้นำนวัตกรรมสีที่ครองแชมป์ แบรนด์สียอดนิยม อันดับ 1 มาอย่างยาวนาน โชว์ศักยภาพยอดขายเติบโตกว่า 12% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง
นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ
เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เผยว่ายอดขาย Q1/65 เป็นเงิน 4,965
ล้านบาท โดยเติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนกว่า
12% ตอกย้ำความสำเร็จด้วยกลยุทธ์การเติบโตที่
TOA ก้าวข้ามไปสู่ธุรกิจที่เป็นมากกว่าสี
ด้วยการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคอยู่เสมอ
ทั้งด้านผลิตภัณฑ์และบริการแบบ Total Solution ครอบคลุมสีทาอาคาร
เคมีภัณฑ์ก่อสร้าง ยิปซัมบอร์ด สีงานไม้ สีอุตสาหกรรมหนัก สีตกแต่งพิเศษ และยังขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ไปสู่กระเบื้องเซรามิกและพอร์ซเลนปูพื้น
ปูผนัง ที่ช่วยเสริมการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ตอบรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ของภาครัฐ และการเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยว
ทั้งนี้
เมื่อวันที่ 12 พ.ค. ที่ผ่านมา บอร์ดได้มีมติอนุมัติการเข้าหุ้นบริษัท ฟาสต์-มิกซ์ จำกัด (Fast-mix)
ซึ่งประกอบธุรกิจโรงงานผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตที่ใช้ในงานก่อสร้าง
ในสัดส่วน 80% เป็นเงิน 81.50 ล้านบาท
ปัจจุบัน Fast-mix เป็นผู้ผลิตสินค้าเคมีภัณฑ์ก่อสร้างในกลุ่มซีเมนต์เบสให้แก่บริษัทฯ
อาทิ ปูนกาว และซีเมนต์ วอเตอร์พรูฟ ซึ่งมีศักยภาพการเติบโตของยอดขายได้อีกมากจากขนาดของตลาด
และการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมของบริษัทฯ ดังนั้นการเข้าซื้อหุ้น
Fast-mix จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและการทำกำไรของสินค้ากลุ่มนี้
อย่างไรก็ตามราคาวัตถุดิบและต้นทุนการผลิตอื่นๆ
ที่ยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากราคาน้ำมัน ภาวะเงินเฟ้อ
และค่าเงินบาทที่อ่อนตัว กดดันกำไรสุทธิ Q1/65 อ่อนตัวลงเหลือ 410 ล้านบาท
ลดลงกว่า 39% จากงวดเดียวกันปีก่อน แม้ว่าบริษัทฯ ได้ทยอยปรับราคาสินค้าขึ้นไปแล้ว
2 รอบ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 - เดือนมกราคม
2565 แต่ยังไม่สามารถชดเชยต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นได้
ทำให้บริษัทฯ จึงจำเป็นต้องทยอยปรับราคาขายเป็นครั้งที่ 3 ในเดือนมีนาคม
- เดือนมิถุนายน 2565 ทั้งนี้การขึ้นราคาขายสินค้าเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนการผลิตเป็นไปตามกลไกของตลาด และเป็นทิศทางเดียวกันกับผู้ประกอบรายอื่นในอุตสาหกรรม
นายจตุภัทร์ กล่าวทิ้งท้ายว่าต้นทุนการผลิตยังมีโอกาสผันผวนไปอีก
3-6 เดือน จากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน บริษัทฯ
จึงดำเนินกลยุทธ์เชิงรุกและการปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มความสามารถในการทำกำไร นอกจากนี้ด้วยกลยุทธ์การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมสีที่มุ่งมั่นสร้างความแตกต่างเหนือคู่แข่งด้วยนวัตกรรมสินค้าที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ควบคู่ไปการขยายธุรกิจวัสดุก่อสร้างน้ำหนักเบา
และการพัฒนาบริการเพื่อนำเสนอโซลูชั่นให้แก่ลูกค้าอย่างครบวงจร จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจ
การเติบโตอย่างมั่งคง สามารถก้าวผ่านความท้าทายและสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว