สกู๊ปโควิด-19

ปฏิเสธไม่ได้ว่า สังคมไทยกำลังถูก Disrupt จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบในรูปแบบต่างๆ ต่อวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของคนไทยเป็นอย่างมาก ส่งผลให้เกิดแนวทางการใช้ชีวิตแบบใหม่ หรือ New Normal ขึ้น

บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจมุ่งสู่การเป็นทุกคำตอบของชีวิต หรือ Life Solutions บนแนวคิดการรตระหนักถึงคุณค่าของชีวิต คุณค่าของความรัก และคุณค่าของมนุษย์ (Value of Life,Value of Love & Value of People) ควบคู่กับการสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นกับสังคม ตามแนวทางของ SDGs (Sustainable Development Goals) จึงมุ่งให้ความสำคัญกับผู้เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วน (Stakeholders) โดยเฉพาะลูกค้า พนักงาน และคนในสังคม

 

ท่ามกลางวิกฤตการณ์โควิด-19 ไทยประกันชีวิตยังคงพร้อมดูแลเคียงข้าง Stakeholders เฉกเช่นในสถานการณ์ปกติ ด้วยการดำเนินมาตรการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อน และสอดคล้องตามแนวทางของภาครัฐ ประกอบด้วย

          การบรรเทาความเดือดร้อนของ “ผู้เอาประกัน” ด้วยการประกาศหลักเกณฑ์การขยายระยะเวลาผ่อนผันการชำระเบี้ยประกันอีก 60 วัน นับจากวันครบระยะเวลาผ่อนผันเดิม สำหรับกรมธรรม์ที่ครบกำหนดระยะเวลาผ่อนผันตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 โดยลูกค้าสามารถใช้สิทธิ์เคลมสินไหมได้ตามปกติ รวมถึงบริการ Fax Claim การยกเว้นดอกเบี้ยเบี้ยประกัน หากขอต่ออายุหรือคืนสถานะกรมธรรม์ประกันชีวิต ภายใน 6 เดือน กรณีสิ้นผลบังคับระหว่างวันที่ 27 ก.พ.6330 มิ.ย.63และกรณีชำระเบี้ยฯ ภายใน 6 เดือน สำหรับกรมธรรม์แบบรายงวดที่มีการนำมูลค่าเวนคืนมาชำระเบี้ยฯ โดยอัตโนมัติระหว่างวันที่ 27 ก.พ.6330 มิ.ย.63

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้นำระบบการดำเนินงาน Online มาอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมต่างๆ รวมถึงลดความเสี่ยงในการติดเชื้อให้กับผู้เอาประกัน ไม่ว่าจะเป็นไทยประกันชีวิตอีซี่เพย์ การชำระเบี้ยฯ ผ่าน Mobile Banking, ไทยประกันชีวิต iService การตรวจสอบสถานะกรมธรรม์ เปลี่ยนแปลงข้อมูลกรมธรรม์ หรือเรียกร้องสินไหมผ่านเว็บไซต์ www.thailife.com, ร่วมมือกับโรงพยาบาลคู่สัญญาให้บริการ Telemedicine การพบแพทย์ผ่านทางโทรศัพท์ หรือ VDO Call สำหรับผู้ป่วยเรื้อรัง หรือผู้ป่วยที่ต้องพบแพทย์ต่อเนื่อง, การให้บริการซื้อประกันชีวิตในรูปแบบ Digital Face-to-Face

 

รวมถึงบริการไทยประกันชีวิต Hot Claim การพิจารณาอนุมัติสินไหมแบบเร่งด่วนภายใน 24 ชั่วโมง  ไม่เพียงเท่านั้น บริษัทฯ ยังจัดแคมเปญ LOVE BOX ส่งรักดูแลชีวิต ส่งมอบของใช้จำเป็นในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 แก่ผู้เอาประกันอีกด้วย

          สำหรับในส่วนของ “สังคมไทย” ในสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 บริษัทฯ ดำเนินมาตรการผ่านโครงการและกิจกรรมมากมาย อาทิ

โครงการสนับสนุนบุคลากรแพทย์ ได้แก่ โครงการนักรบเสื้อขาวสู้ภัยโควิด-19 ร่วมกับแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และแพทยสภา เพื่อให้ความคุ้มครองประกันชีวิตกลุ่มแก่แพทย์และพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19ทุนประกันรายละ 5 ล้านบาทรวมถึงให้ความคุ้มครองนักเทคนิคการแพทย์ นักรังสีการแพทย์ และผู้ช่วยพยาบาล ทุนประกันรายละ 1 ล้านบาท

            ร่วมกับมูลนิธิหนึ่งคนให้ หลายคนรับ รณรงค์บริจาคเงินสมทบทุนจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อมอบให้กับโรงพยาบาลต่างๆ การสนับสนุนศิริราชมูลนิธิ (ศิริราชสู้ภัยโควิด) เชิญชวนไทยประกันชีวิตจิตอาสาร่วมบริจาคเพื่อจัดซื้อเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ความเร็วสูงยิ่งยวดช่วยวินิจฉัยผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ตลอดจนมอบสิ่งของจำเป็น และร่วมส่งกำลังใจให้ทีมแพทย์ที่ทำงานด้วยความทุ่มเทและเสียสละ

และเพื่อร่วมดูแลคนในสังคม และผู้ประสบความเดือดร้อน บริษัทฯ จึงได้เชิญชวนพนักงานจิตอาสา ทั้งสำนักงานใหญ่ สาขา และฝ่ายขาย จัดทำ “ตู้ปันน้ำใจ” ขึ้น  เพื่อแบ่งปันสิ่งของอุปโภค - บริโภค โดยตั้งบริเวณสำนักงานใหญ่ และสาขาทั่วประเทศ

นอกจากนี้ ยังได้ร่วมสนับสนุนเครื่องบริโภคถวายโรงทาน ตามโครงการพระดำริ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ผ่านโรงทานวัดต่าง ๆ จำนวน 10 แห่ง ได้แก่ วัดธาตุทอง, วัดลาดพร้าว, วัดลาดปลาเค้า, วัดเสมียนนารี, วัดบัวขวัญ, วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์, วัดจากแดง, วัดอาวุธวิกสิตาราม, วัดไร่ขิง และวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.พิษณุโลก รวมถึงเชิญชวนไทยประกันชีวิตจิตอาสาที่มีความสามารถ ตัดเย็บหน้ากากผ้าจีวรถวายแก่พระสงฆ์และสามเณรวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.พิษณุโลก อีกด้วย

“ในวิกฤตการณ์เช่นนี้ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการที่คนไทยทุกคนจะต้องร่วมมือ ร่วมใจฟันฝ่าวิกฤต และมองไปข้างหน้าอย่างมีเป้าหมายร่วมกัน และแปรเปลี่ยน “วิกฤติ” ให้เป็น “โอกาส” เพื่อให้สังคมไทยผ่านพ้นวิกฤตการณ์ครั้งนี้” ไชย ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยประกันชีวิตกล่าว

นอกเหนือจากการดูแล Stakeholder ภายนอกแล้ว ไทยประกันชีวิตยังให้ความสำคัญในการดูแล “บุคลากรภายใน” ทั้งพนักงานสำนักงานใหญ่ สาขา และฝ่ายขาย โดยดำเนินการให้สอดคล้องไปกับแนวทางของภาครัฐที่กำหนดไว้ อาทิ การกำหนดให้พนักงานปฏิบัติงานที่บ้าน (Work from Home) ไม่น้อยกว่า 80% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดในเดือนเมษายน และไม่น้อยกว่า 50% ในเดือนพฤษภาคม 2563 การแยกทีมทำงาน (Splitting Team) ระหว่างทีมหลักกับทีมสนับสนุน การปรับเวลาเข้า-ออกงานในลักษณะ Flexible Hours การจัดการประชุมผ่าน Online Conference การอนุโลมให้พนักงานสาขาสามารถพักที่สาขาได้ กรณีที่ไม่สามารถเดินทางกลับบ้าน หรือสาขาอยู่ในพื้นที่ Lockdown เป็นต้น

ทางด้านการดูแลฝ่ายขาย บริษัทฯ มีมาตรการบรรเทาความเดือดร้อน อาทิ อนุโลมหลักเกณฑ์การจ่ายผลประโยชน์ฝ่ายขาย สำหรับฝ่ายขายที่ใบอนุญาตฯหมดอายุ เนื่องจากไม่สามารถไปอบรมต่อใบอนุญาตฯได้ พร้อมอนุโลมยกเว้นการกำหนดหลักเกณฑ์ผลประโยชน์ฝ่ายขายเกี่ยวกับการวัดผล KPI ตลอดทั้งปี 2563 นอกจากนี้ บริษัทฯ ดำเนินการจ่ายโบนัสแก่ฝ่ายขายระดับผู้จัดการภาคและผู้จัดการศูนย์เร็วขึ้นจากปีก่อนๆ เพื่อช่วยเหลือและลดภาระค่าใช้จ่าย โดยการดำเนินงานจ่ายเงินผลประโยชน์จะดำเนินการผ่านระบบ Online ของบริษัทฯ

 

แม้วิกฤตการณ์จะเลวร้ายเพียงใด ไทยประกันชีวิตพร้อมร่วมฟันฝ่าวิกฤติในครั้งนี้ ในฐานะเพื่อนคู่คิดเคียงข้างทุกชีวิตในสังคมไทย 

Visitors: 11,101,904