ทช. ร่วมกับเชฟรอนฯ และจุฬาลงกรณ์ฯ MOU ร่วมมือโครงการนำร่องการใช้ขาแท่นหลุมผลิตปิโตรเลียมจำนวน 8 ขาแท่น จัดวางเป็นปะการังเทียม เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล บริเวณเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
(ทช.) ร่วมกับบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด (เชฟรอนประเทศไทย)
และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการนำร่องการใช้ขาแท่นหลุ่มผลิตปิโตรเลียมจำนวน
8 ขาแท่นไปจัดวางเป็นปะการังเทียม เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล
บริเวณเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีผู้ร่วมลงนามประกอบด้วย นายจตุพร
บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นายไพโรจน์ กวียานันท์
ประธานกรรมการบริษัทเชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด และรองศาสตราจารย์
ดร.ทวีวงศ์ ศรีบุรี กรรมการผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรม ทช. ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน
เครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล สถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย
และคณะสื่อมวลชน ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ
ห้องประชุมลำแพน ชั้น 9 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
นายจตุพร
อธิบดี ทช. กล่าวว่า “สำหรับบันทึกข้อตกลงฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อส่งเสริมความร่วมมือ
ตามมติคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ(คณะกรรมการชาติฯ)
ในการประชุมครั้งที่ 2/2561 เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2561 เพื่อร่วมกันศึกษา ติดตาม
และตรวจสอบสภาพแวดล้อมด้านกายภาพและนิเวศวิทยาของพื้นที่ในทะเล
และประโยชน์ที่ได้รับจากแหล่งปะการังเทียมจากขาแท่นหลุมผลิตปิโตรเลียมที่ไม่ใช้งานแล้ว
ให้เกิดเป็นองค์ความรู้ใหม่ของประเทศ รวมทั้ง
เพื่อส่งเสริมสนับสนุนความร่วมมือในการสงวน อนุรักษ์
ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้คงความอุดมสมบูรณ์ ตลอดจนได้กำหนดขอบเขตความร่วมมือของทั้งสามฝ่ายในโครงการดังกล่าว
แบ่งเป็นกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จะเป็นผู้ดำเนินงาน กำกับการดำเนินงาน
ติดตามประเมินและดูแลพื้นที่โครงการฯ รวมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขออนุญาตจัดวางปะการังเทียมตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการชาติฯ
ส่วนเชฟรอนประเทศไทย จะเป็นผู้ดำเนินการร่วมกับกรม ทช. พร้อมทั้งมอบขาแท่นหลุมผลิตปิโตรเลียมที่ไม่ใช้งานแล้วจำนวน
8 ขาแท่น ให้แก่กรม ทช. เพื่อนำไปใช้เป็นวัสดุในการจัดทำเป็นปะการังเทียม
รวมทั้งให้การสนับสนุนด้านการจัดวางและงบประมาณของโครงการฯสำหรับศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารจัดการและสนับสนุนงานด้านการศึกษาให้เป็นไปตามมาตรฐานวิชาการของทั้งในและต่างประเทศ”
ด้าน นายไพโรจน์ กวียานันท์ประธานกรรมการบริหาร
บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด เปิดเผยว่า “ตลอดระยะเวลา 56 ปี
ของการดำเนินภารกิจจัดหาพลังงานอย่างปลอดภัยและเชื่อถือได้ให้กับประเทศ
เรายังมุ่งมั่นเป็นพันธมิตรที่ดีกับสังคมไทยในทุกๆ ด้าน
รวมถึงการสนับสนุนการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและสิ่งแวดล้อม
โดยการดำเนินโครงการนี้ ได้รับความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันการศึกษาทั้งในและต่างประเทศ
รวมถึงมีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการศึกษา
จะช่วยให้ได้ข้อมูลและองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการนำขาแท่นหลุมผลิตปิโตรเลียม
มาจัดวางเป็นปะการังเทียม เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล ของประเทศอย่างยั่งยืน โดยการลงนามฯ
ร่วมกันในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาการนำขาแท่นหลุมผลิตปิโตรเลียม ในอ่าวไทย
มาใช้เป็นปะการังเทียม เนื่องด้วยลักษณะโครงสร้างที่ซับซ้อนทำจากเหล็กกล้าที่จัดสร้างเพื่อใช้งานในทะเล
มีน้ำหนักประมาณ 300 – 700 ตัน
จึงมีความมั่นคงแข็งแรง ที่สำคัญไม่มีส่วนใดสัมผัสปิโตรเลียมมาก่อน มีพื้นที่
ลงเกาะสำหรับสิ่งมีชีวิต
จึงมีความเหมาะสมที่จะเป็นที่อยู่อาศัยและที่หลบภัยของสิ่งมีชีวิต โดยดำเนินการในพื้นที่เกาะพะงัน
ซึ่งเคยมีโครงการต้นแบบในการวางโครงสร้างเหล็ก ร่วมกับมูลนิธิเพื่อสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย
ในพื้นที่อ่าวโฉลกหลำ ของเกาะพะงัน มาตั้งแต่เดือนกันยายน 2556 ซึ่งพบว่าความเหมาะสมของในการเข้าอยู่อาศัยของสัตว์น้ำและสิ่งมีชีวิตต่างๆ
รวมทั้งการใช้ประโยชน์ทางด้านการท่องเที่ยว และการประมง ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ พื้นที่จัดวางปะการังเทียมจากขาแท่นหลุมผลิตปิโตรเลียมของโครงการนำร่อง
ในระยะแรกนี้ มีพื้นที่ประมาณ 0.07
ตารางกิโลเมตร อยู่ห่างจากเกาะพะงันไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นระยะทางประมาณ 8 ไมล์ทะเล และจากหินใบไปทางตะวันออกประมาณ 7
ไมล์ทะเล”
สำหรับการดำเนินโครงการนี้แบ่งเป็น
2 ระยะ
โดยในระยะแรกซึ่งใช้เวลา 2 ปี จะเป็นการศึกษาทางด้านชีววิทยา
นิเวศวิทยา การติดตามผลกระทบจากการวางปะการังเทียม
การประกาศพื้นที่คุ้มครองเพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ของผู้มีส่วนได้เสียอย่างยั่งยืน
รวมถึงการให้ความรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ที่จะช่วยกันรักษาพื้นที่คุ้มครองนี้
ส่วนระยะที่สอง ซึ่งใช้เวลา 4 ปี
จะเป็นการติดตามต่อเนื่องจากระยะแรกเพื่อเก็บข้อมูลสิ่งมีชีวิตที่เข้ามาอยู่อาศัยในแนวปะการัง
และการเข้าใช้ประโยชน์ของผู้มีส่วนได้เสีย ภายใต้วงเงินสนับสนุนจากบริษัท
เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ทั้งสิ้น 34.8 ล้านบาท (ไม่รวมค่าใช้จ่ายในการวางแผน และการเคลื่อนย้ายขาแท่นหลุม ผลิตเพื่อนำไปทำปะการังเทียม)
ด้าน รศ. ดร.ทวีวงศ์
ศรีบุรี กรรมการผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวเสริมว่า
“ศูนย์บริการวิชาการจุฬาฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งในการเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างองค์ความรู้ใหม่
จากการจัดวางปะการังเทียมจากขาแท่นหลุมผลิตปิโตรเลียมที่ไม่ใช้งานแล้ว
บริเวณเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
โดยการศึกษา ติดตาม และตรวจสอบสภาพแวดล้อมด้านกายภาพและนิเวศวิทยาของพื้นที่ในทะเล
และประโยชน์ ที่ได้รับจากแหล่งปะการังเทียม
และร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินงานของหน่วยงาน รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูล
เพื่อการสงวน อนุรักษ์ ฟื้นฟู ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
ผลจากการศึกษานี้จะมีส่วนช่วยให้หน่วยราชการและหน่วยงานวิชาการ ได้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นประโยชน์ในการวางแผนงานและการจัดการปะการังเทียม
ไม่เพียงเฉพาะจากโครงสร้างขนาดใหญ่เท่านั้น
แต่อาจรวมถึงการจัดการในภาพใหญ่ระดับประเทศด้วย”