เมื่อ ETDA ไม่ใช่แค่เสือกระดาษ กับบทบาทใหม่ในการเป็น Regulator
CEO ETDA แถลงนโยบายปี 62
นับถอยหลังยุคเปลี่ยนผ่าน เตรียมสรรหาผู้อำนวยการใหม่ เผยทิศทางการขับเคลื่อน ETDA
ภายหลังพ.ร.บ.ธุรกรรมฯ ประกาศ เดินหน้าเป็น Regulator ธุรกิจบริการด้านดิจิทัล ฉีกบทบาทเดิม ประกาศกร้าว
สร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการ e-Commerce ผุด Local
Platform “Young
Talent” ไม่หวั่นกับการก้าวเข้ามาของบริษัทข้ามชาติ
พร้อมโชว์ผลงานเจ๋ง เรียนรู้ไปกับ Young blood ภายใต้หลักสูตรที่ไม่เหมือนใคร
FEGO ที่ทำให้ผู้ใหญ่ระดับ High-Level ไม่กลัวเทคโนโลยี
นางสุรางคณา วายุภาพ
ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ ETDA
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยภายในงาน ETDA
Open House Open Heart เปิดบ้านต้อนรับสื่อมวลชน
พร้อมทั้งเปิดใจเล่าถึงการเตรียมความพร้อมรับความท้าทาย ยกระดับการทำงานตาม
พ.ร.บ.ธุรกรรมฯ ฉบับใหม่ สร้างสมดุลการกำกับและส่งเสริมธุรกิจ กับการเป็น regulator
ธุรกิจบริการดิจิทัลในปี 2562 มีการเตรียมความพร้อมองค์กร
เพื่อรองรับผู้บริหารใหม่ และภารกิจที่สำคัญ บทบาทที่ท้าทาย
มีหน้าที่ในการกำกับดูแล เป็น regulator การทำธุรกิจบริการที่เกี่ยวกับ
electronic transaction พร้อมยกระดับการทำงานตาม พ.ร.บ.ธุรกรรมฯ
ฉบับใหม่ ในฐานะเลขานุการของคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
ในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์เกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ จัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านมาตรฐาน
รวมถึงกำกับดูแลธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมฯ ตามกฎหมาย
วิเคราะห์และรับรองมาตรฐาน ที่เกี่ยวข้อง
ความท้าทายในอำนาจที่ทับซ้อนของหน่วยงานหลายหน่วยงาน
ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ
Digital Economy หากพิจารณาบทบาทของหน่วยงานต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องจะพบว่า สิ่งที่รัฐควรต้องเร่งดำเนินการ คือการบริหารจัดการเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการทำงานในการผลักดันให้รัฐเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัลและปรับรูปแบบการทำงานของรัฐเองให้เป็น
Digital government ซึ่งบทบาทอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของหลายหน่วยงานบางส่วนยังคงมีความทับซ้อน
ซึ่งในส่วนร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่...) พ.ศ.
....ที่ ผ่านการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เมื่อเดือนมกราคม ๒๕๖๒ นั้น
สพธอ. ทำหน้าที่ด้านการกำหนดมาตรฐานด้านต่างๆ เพื่อรองรับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
เช่น Digital ID โดยการ Regulate ที่จะเป็นการออกมาตรฐานนั้น
อาจจะมีความคาบเกี่ยวกับภารกิจของหน่วยงานที่ดูแลเรื่องของ Open Government
และการทำ Data Sharing รวมถึงเรื่องการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาธารณะด้วย
จึงต้องมีการวางบทบาทที่ชัดเจนโดยดึงจุดเด่นของแต่ละหน่วยงานเพื่อทำงานร่วมกัน
โดยในส่วน สพธอ. เน้นการทำ Recommendation ด้านมาตรฐาน
และในการเป็น Regulator ที่แม้ว่าจะต้องทำในบทบาทเชิง Regulate แต่ต้องการทำให้การ regulate
ทำในเชิง Promote ซึ่งภารกิจทั้งหมดจะถูกกำหนดให้อยู่ภายใต้
Secure Environment ที่ครอบคลุมเรื่อง Data
Protection และ Cybersecurity ที่มีร่างกฎหมายเฉพาะเข้ามาดูแล
บทบาทใหม่ในการขับเคลื่อนการเป็น
Regulator ธุรกิจบริการ
ด้วยบทบาทที่เพิ่มเติมของ
ETDA
ซึ่งมีภารกิจในการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์นั้น
ปัจจุบันมีอย่างน้อย 2
ธุรกิจบริการที่ควรผลักดันให้มีการกำกับดูแลโดยเร็ว เรื่องแรกได้แก่
การกำกับดูแลผู้ให้บริการออกใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์
ซึ่งนอกจากการยกระดับของผู้ประกอบการแล้ว
ยังทำให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างระบบในทางเทคนิคของผู้ให้บริการแต่ละราย
โดยธุรกิจบริการดังกล่าวถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางเทคโนโลยีสารสนเทศที่ส่งผลต่อการสร้างความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือให้กับการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์มากยิ่งขึ้น
ธุรกิจบริการที่ 2 ได้แก่
การให้บริการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล
ซึ่งปัจจุบันถือเป็นระบบที่มีความสำคัญต่อขั้นตอนการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์
ที่จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก
จึงมีความจำเป็นต้องดูและเพื่อให้การประกอบธุรกิจดังกล่าวมีระบบที่มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัย
การสร้าง Regulatory
sandboxes ภายใต้ภารกิจของ ETDA
บทบาทของ ETDA ในมุมของ Digital Transformation จะเป็นหน่วยงานส่งเสริมการใช้นวัตกรรม (Innovation) สำหรับการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในการบริหารและการให้บริการของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
โดย ETDA เป็นผู้ศึกษาเทคโนโลยีใหม่ทางด้านดิจิทัล
รวมถึงพัฒนาข้อเสนอแนะที่สำคัญ แนวทางการใช้งานเทคโนโลยีใหม่ และพัฒนาระบบต้นแบบพร้อมสนามทดสอบสำหรับทดลองการใช้งาน
(Prototype and Sandbox) เพื่อให้การบริหารและการให้บริการของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนมีประสิทธิภาพ
คุณภาพ ความมั่นคงปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ
อีกทั้งตอบโจทย์และอำนวยความสะดวกต่อผู้ใช้งานในระบบนิเวศน์ (Ecosystem) ด้วย
การทำให้ผู้ใหญ่ระดับ
High-Level (Policy Maker) ไม่กลัวเทคโนโลยี
เรียนรู้ไปกับ Young
blood ภายใต้หลักสูตรที่ไม่เหมือนใคร FEGO
ETDA มีความมุ่งมั่นในการยกระดับความรู้ความสามารถของด้านเทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับผู้บริหารในระดับนโยบายของประเทศทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน
ให้มีความรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี Disruptive technology จากเป้าหมายนี้จึงเป็นที่มาของการจัดทำ “หลักสูตร Future Economy
& Internet Governance Executive Program หรือ FEGO ซึ่งเป็นหลักสูตรแรกภายใต้การดำเนินงานของ
สถาบันเศรษฐกิจอนาคตและธรรมาภิบาลอินเทอร์เน็ต โดยมุ่งมั่นปลุก Spirit ให้กับผู้เข้าร่วมหลักสูตรซึ่งเป็นผู้บริหารที่มาจากทุกสาขา
“Fighting Spirit เป็นการต่อสู้เพื่อให้ Survival (อยู่รอด)” ซึ่งหมายถึง การต้องสู้และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
และนอกจากสปิริตของการต่อสู้แล้ว จำเป็นต้องรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่กำลัง Disruptive
ทุกคนอยู่ หลักสูตร
FEGO จึงพัฒนาขึ้น
โดยสร้างจุดเด่นและความแตกต่างที่ไม่เหมือนหลักสูตรอื่น ๆ โดยผู้เข้าอบรมสามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเข้าใจเทคโนโลยีได้อย่างง่ายร่วมกับกลุ่ม
Young Blood ในรูปแบบผลัดกันเรียน ผลัดกันสอน
รวมไปถึงสามารถมองภาพกว้างและลงลึกกับเทคโนโลยีเฉพาะทาง
เพื่อให้เกิดแนวคิดในการนำไปประยุกต์ใช้ในการวางแผนระดับนโยบายที่สามารถปฏิบัติได้จริง และเพื่อให้ผู้บริหารระดับสูงซึ่งเป็นบุคคลที่สำคัญในการกำหนดนโยบายของประเทศ
ได้รู้เท่าทันและไม่กลัวการใช้เทคโนโลยีอีกต่อไป
เป้าหมายสำคัญของหลักสูตร นำไปสู่การถอดบทเรียนลงเป็นตัวหนังสือ
และคลิปวีดีโอ เพื่อเผยแพร่ส่งต่อสปิริตนั้นให้กับผู้ชมที่มากขึ้น และความตั้งใจในการสะท้อนข้อเสนอแนะต่าง
ๆ ที่ได้รับจากห้องเรียน FEGO
ต่อรัฐบาลหรือผู้เกี่ยวข้องได้รับทราบข้อมูลประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบายในการพัฒนาประเทศไทย
จาก Transformation ยุค 4.0 ไป 5.0 ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดไม่ได้เลยถ้าไม่มีการตรวจสอบที่ดี
หรือมีระบบพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความน่าเชื่อถือ และตรงนี้คือภารกิจหลักของการรักษาและเสริมจุดแข็งของ
ETDA
บทบาทที่ท้าทายในการพัฒนา
e-Commerce กับการก้าวเข้ามาของบริษัทข้ามชาติ
ความท้าทาย นอกเหนือจากการเข้ามาของบริษัทข้ามชาติแล้ว การสร้างงาน
สร้างอาชีพให้คนไทย เป็นบทบาทที่ ETDA
ต้องการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้เพิ่มขึ้นจากการใช้มือถือ เพื่อทำ e-Commerce
โดยจากผลการสำรวจ Internet User Profile ในปีที่ผ่านมา
การใช้มือถือและอินเทอร์เน็ต ในการทำ e-Commerce ขยับเป็น 1
ใน 5 ดังนั้น ความท้าทายคือ ETDA จะทำอย่างไรให้คนหันมาใช้มือถือและอินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือทำมาหากิน จึงมุ่งไปที่เศรษฐกิจดิจิทัลเรื่อง
e-Commerce ซึ่ง ETDA มีการเก็บตัวเลขมูลค่า
e-Commerce ต่อเนื่องมาหลายปีเพื่อให้หน่วยงาน
หรือองค์กรอื่นนำไปใช้ต่อยอด โดยปีที่ผ่านมาโตถึง 14.04% ดังนั้น จะเห็นได้ว่า
โอกาสของคนไทยอยู่ใกล้แค่ฝ่ามือ โดยการใช้มือถือสร้างรายได้ผ่าน e-Commerce
แต่ในภาพใหญ่ จะเห็นได้ว่ามี e-Commerce Platform หรือที่เรียกว่า Global Platform เช่น
Alibaba, Lazada, Shopee ซึ่งเป็นการเข้ามาของบริษัทต่างชาติ ประเทศไทยจึงควรมี
Local Platform ของตัวเอง จึงเป็นที่มาของ Young
Talent Platform ซึ่งเป็นที่ที่รวบรวมข้อมูลสินค้าและบริการ
ไปจนถึงการเผยแพร่ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจ e-Commerce และตั้งเป้าให้เป็นศูนย์กลางที่ทั้ง Workforce และผู้ประกอบการ
SMEs สามารถนำไปใช้ต่อยอดและพัฒนาธุรกิจได้
ขณะเดียวกัน ก็ต้องมี SMEs Workforce เพื่อมาตอบโจทย์ผู้ประกอบการ
โดยตัว Workforce นี้จะทำหน้าที่สนับสนุน และเป็นตัวช่วยด้านต่าง
ๆ เช่น ด้านการถ่ายภาพ ด้าน Online Marketing ด้านการทำ Storytelling
เป็นต้น ด้วยตัวเลข 1.2 ล้านราย เป็นตัวเลขเป้าหมายที่ ETDA ได้กำหนดไว้ เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจด้วย นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งบทบาทของ
e-Commerce ที่ท้าทายคือ การริเริ่มให้เกิด Silicon Valley
ด้าน e-Commerce ด้วยจุดที่ตั้งของ ETDA รายล้อมไปด้วย สถาบันการศึกษา สถาบันการเงิน ตลาดหลักทรัพย์ บริษัทด้านเทคโนโลยี
ซึ่งอำนวยต่อการสร้าง e-Commerce Park อย่างครบวงจรด้วย
อย่างไรก็ตาม ในยุค Disruptive Technology ที่มีการเติบโตมูลค่า
e-Commerce อย่างต่อเนื่อง
อีกด้านหนึ่งก็เกิดปัญหาจากการซื้อขายสินค้าและบริการทางออนไลน์
โดยมีการแจ้งเรื่องร้องเรียนผ่านช่องทางศูนย์รับเรื่องร้องเรียนปัญหาออนไลน์ 1212OCC
ของ ETDA เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย จากในปี 2560
มีจำนวน 9,987 ครั้ง เป็น 17,558 ครั้ง ในปี 2561 หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า โดยพบว่า เกิดจากการซื้อสินค้าแต่ได้รับของไม่ตรงสเปก ผิดสี ผิดขนาด
หรือไม่ได้รับสินค้า
ยังมีผลกระทบในเรื่องการซื้อขายสินค้าที่ผิดกฎหมายหรือไม่มีมาตรฐาน
ทำให้ผู้ซื้อสินค้าได้รับอันตรายไปกระทั่งเสียชีวิต
รวมถึงความยุ่งยากในการได้รับการชดเชยเยียวยาเมื่อเกิดปัญหา
หรือแม้แต่การโฆษณาที่กำกับดูแลได้ลำบาก
Online consumer
protection ปกป้องผู้บริโภคออนไลน์
ความท้าทายที่สำคัญ
คือ การสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคออนไลน์
รวมถึงการฟื้นฟูกลุ่มที่ถูกทำลายความเชื่อมั่นใน e-Commerce ที่ผ่านมา การรับเรื่องและการจัดการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพียงแนวทางจัดการที่ปลายน้ำ
ดังนั้น สิ่งที่ควรทำอย่างยิ่งเพื่อลดการเกิดปัญหา คือ
การพัฒนาแนวทางคุ้มครองผู้บริโภคตั้งแต่ต้นน้ำหรือในระดับเชิงรุกมากยิ่งขึ้น เช่น
การเฝ้าระวังและป้องกัน ก่อนเกิดปัญหา โดยมีเป้าหมายจะพัฒนาการคุ้มครองผู้บริโภคออนไลน์
หรือ Online Consumer Protection อย่างครบวงจร
เริ่มต้นจากการสร้างผู้ประกอบการที่ดี
โดยกำกับดูแลผู้ประกอบการออนไลน์จำหน่ายสินค้าออนไลน์อย่างปลอดภัย ถูกกฎหมาย
ลดความเสียหายที่เกิดขึ้น สร้างความตระหนักรู้แก่ผู้บริโภค ทำให้ผู้บริโภคเกิดความเข้าใจ
และสามารถสร้างเครือข่าย เสริมกำลังที่ช่วยกำกับดูแลกันเองได้ นอกจากนี้
ยังพัฒนาด้วยเครื่องมือกลไกทางดิจิทัลและความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลที่ให้บริการประชาชนได้ทุกมิติ
และสามารถวิเคราะห์แนวโน้มของปัญหาได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะนำไปสู่การวิเคราะห์ข้อมูลในลักษณะ Big Data รวมถึงการส่งเสริมความรู้การคุ้มครองผู้บริโภคทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค
ข้อมูลคนไทยไปอยู่กับต่างชาติมานานแล้ว
เรายังจะยอมอยู่หรือ?
นางสุรางคณา กล่าวว่า ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ข้อมูลคนไทยในลักษณะที่เป็น Big Data อยู่กับแพลตฟอร์ม
e-Commerce ต่างชาติมาโดยตลอด ซึ่งเราถูกต่างชาติใช้ประโยชน์และหารายได้จากข้อมูลคนไทย
โดยที่ไม่ต้องจ่ายภาษี และไม่รู้ว่าถูกต้องตามกฎหมายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือไม่
แล้วประเทศไทยเราจะออกมาตรการเพื่อดูแลเรื่องนี้อย่างไร?
และเนื่องจากการมี Big Data จะทำให้เรารู้ว่าพฤติกรรมผู้ประกอบการและผู้บริโภคเป็นอย่างไร
โดยสามารถนำการวิเคราะห์พฤติกรรมนี้ไปต่อยอดเพื่อการส่งเสริม พัฒนา ป้องปราม
และป้องกัน ในเรื่องการหลอกลวงบนโลกออนไลน์ อีกทั้ง
การมีแพลตฟอร์มทางเลือกให้กับผู้ประกอบการและผู้บริโภคคนไทยเพื่อให้เรามีข้อมูล Big
Data เป็นของคนไทย และให้ผู้ประกอบการไทยได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลตรงนี้ อย่างไรก็ตาม การสร้าง
Big
data ด้าน e-Commerce จะตอบโจทย์ได้หรือไม่
เป็นข้อท้าทายของ ETDA ในบทบาทใหม่ต่อไป