กคช.ชงเรื่องเข้า กก.วล.ขอปลดล็อกที่ดิน Sunk Cost บ้านเอื้ออาทร พัฒนาที่อยู่อาศัยได้เพิ่ม 15,000 หน่วย
การเคหะแห่งชาติ (กคช.)
เสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) เพื่อขอปลดล็อกที่ดินรอการพัฒา (Sunk Cost) โครงการบ้านเอื้ออาทรที่ได้รับใบอนุญาต สผ.4
เพื่อนำมาปรับเปลี่ยนรูปแบบพัฒนาที่อยู่อาศัยใหม่ให้กับผู้มีรายได้น้อย
หากทำได้สำเร็จจะสามารถพัฒนาที่อยู่อาศัยได้ไม่น้อยกว่า 15,000 หน่วย
ดร.ธัชพล
กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ
กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการบ้านเอื้ออาทรว่า
คณะรัฐมนตรีมีมติให้การเคหะแห่งชาติจัดสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทรจำนวน 601,727
หน่วย แต่เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น
ทำให้ความสามารถในการซื้อของผู้มีรายได้น้อยลดลง
การเคหะแห่งชาติจึงได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีขอทบทวนปรับลดกรอบเป้าหมายจำนวนหน่วยคงเหลือ
281,556 หน่วย เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน
2552 ปัจจุบันการเคหะแห่งชาติดำเนินการจัดสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทรแล้ว
279,977 หน่วย
คิดเป็นร้อยละ 99.44 ของหน่วยก่อสร้างทั้งหมด ซึ่งคาดว่าจะปิดโครงการได้ภายในปี
2562
ขณะเดียวกันการจัดสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทรสามารถจัดทํารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบ
สิ่งแวดล้อมตามแบบ สผ.4
ได้ตามประกาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่หลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้การเคหะแห่งชาติปรับลดหน่วยก่อสร้างลง
จึงมีที่ดินรอการพัฒนา (Sunk
Cost) จากโครงการบ้านเอื้ออาทร จำนวน 21 โครงการ ประมาณ 1,500 ไร่
ซึ่งเคยได้รับใบอนุญาต สผ.4 แล้ว แต่ไม่สามารถนำมาพัฒนาที่อยู่อาศัยต่อไปได้
เนื่องจากติดขัดด้วยข้อจำกัดของท้ายประกาศ สผ.4 ที่ระบุไว้ว่า โครงการที่เคยได้รับ
สผ.4 ไปแล้ว ไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการจากเดิมได้
การเคหะแห่งชาติจึงได้หารือกับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(สผ.)
เรื่องการขอปลดล็อกที่ดินดังกล่าวเพื่อนำมาพัฒนาที่อยู่อาศัยให้กับผู้มีรายได้น้อย
โดย สผ.ได้ให้ข้อเสนอแนะว่า
เรื่องดังกล่าวควรนำเข้าเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.)
เพื่อพิจารณา โดยการเคหะแห่งชาติได้ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้ว
เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2562 ถ้าหากสามารถปลดล็อกที่ดินดังกล่าวได้สำเร็จ
การเคหะแห่งชาติจะสามารถนำที่ดินมาพัฒนาที่อยู่อาศัยได้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 15,000
หน่วย