บทความพิเศษวิเคราะห์ยุทธศาสตร์ชาติ สะท้อนการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล เศรษฐา 1
การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของไทยดูจากตัวชี้วัด
GDP GROSS DOMESTIC PRODUCTS ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ GDP
ย่อมาจาก Gross Domestic Product หมายถึง ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศไทย
หรือมูลค่าของสินค้าและบริการขั้นสุดท้าย ซึ่งประกอบด้วย (+) C (Consumption) คือ
การบริโภคของภาคเอกชน เช่น การจับจ่ายใช้สอยในภาคครัวเรือน (+) I
(Investment) คือ การลงทุนจากภาคเอกชนต่าง ๆ และ (+) G (Government Spending) คือ การใช้จ่ายของรัฐบาลหรือการลงทุนจากภาครัฐ เช่น
การสร้างโครงสร้างพื้นฐาน หรือ PPP การลงทุน ของภารรัฐ และ
เอกชนร่วมกัน (+) X (Export) คือ การส่งออก เช่น
การที่คนไทยส่งออกข้าว, ยางพารา, ทุเรียน, SEMI
CONDUCTOR ไปขายต่างประเทศ เป็นต้น
หรือนำนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในประเทศ ทำให้ประเทศได้ดุลการค้า ดุลการชำระเงิน
และนำรายได้เข้ามาในประเทศ เป็นต้น (-) M
(Import) คือ การนำเข้า เช่น การที่คนไทยนำเข้าน้ำมัน มูลค่าครึ่งหนึ่งมาจากการนำเข้าพลังงาน
โดยเฉพาะน้ำมันจากฟอสซิล ถ้าหาวิธีลดปริมาณนำเข้าได้หรือใช้พลังงานทดแทนได้ เช่น
พลังงานลม พลังงานไฟฟ้า พลังงานไฮโดรเจน
จะช่วยแบ่งเบาภาระของประเทศชาติในการนำเงินตราออกนอกประเทศไปได้อย่างมาก หรือในระยะสั้นเสาะหาแหล่งพลังงานอื่น ๆ
ที่มีแหล่งที่ถูกกว่า เช่น รัสเซียเป็นต้น หรือ นำเข้าสินค้าอื่นๆจากต่างประเทศ
การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของชาติ
ควรแบ่งเป็น 3 ระยะ :
ระยะสั้น (ภายใน
1 ปี) : ต้องให้ยาเร็ว และ
แรงเพื่อกระตุ้นการบริโภคของภาคครัวเรือนจากการบริการ
และจับจ่ายใช้สอยของคนในประเทศและคนต่างชาติ : ดั่งเช่น
นโยบาย DIGITAL WALLET 10,000 บาท
จะมากระตุ้นปัจจัยการบริโภคให้มากขึ้นได้ แต่จะหมุนได้ 2 เท่า หรือ 3
เท่าแล้วแต่รายละเอียดทางปฏิบัติ อีกที ผมคิดว่า เงินส่วนนี้ควรให้คนที่ยากจนจริง ๆเพียง
5 ล้านคน อีก 45 ล้านคนบางคนอยากได้การศึกษาต่อมากกว่า
บางคนอยากให้พักชำระหนี้มากกว่า บางคนอยากได้เงินกู้ดอกเบี้ยถูกมาลงทุน กิจการใหม่
ๆ แทนการรับเงิน DIGITAL WALLET ทุกคน รวมทั้งการกระตุ้นภาคการบริการ
เช่น การท่องเที่ยวภายในประเทศ และนำนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยวจับจ่ายใช้สอยในประเทศให้มากขึ้น
โดยนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย ปลอดภาษีวีซ่า 1 ปี
หรือเพิ่มเครื่องบินจากจีน ให้บินเข้าไทยมากกขึ้น ส่งทูตไปเจรจาการท่องเที่ยว FTA
กับจีน มาเลเซีย อินเดีย ซาอุดิอาราเบีย รัสเซีย เป็นต้น ไม่มีวีซ่า
1 ปี
ในทางตรงกันข้ามก็ต้องขึ้นภาษีคนไทย
ที่ออกไปเที่ยวต่างประเทศเพื่อให้หันมาเที่ยวภายในประเทศแทน และมีแพคเกจทัวร์
ราคาถูกให้คนไทย หรือขอความร่วมมือโรงแรม 4 ดาว 5 ดาวให้ลดราคาให้คนไทย ในราคา 3 ดาวเป็นต้น เพื่อจูงใจให้คนไทยเที่ยวราคาเดิม
แต่ได้คลาสที่ดีขึ้น การกระตุ้นภาคบริการหรือท่องเที่ยว จะเร็วและง่ายที่สุด ส่วนในเรื่องหนี้สิน
NPL ให้รัฐบาลจัดการหนี้ภาคครัวเรือน แบ่งเป็นเกรด A
B C หนี้เน่าก็ต้องพักเงินต้นและดอกเบี้ย
หนี้ที่พอจ่ายอยู่บ้างก็ให้จ่ายแต่ดอกเบี้ย หนี้ชั้นดีก็ต้องลดต้น
ลดดอกจูงใจให้ชำระได้เร็วขึ้นเป็นต้น ให้เวลา 1 -3 ปี เพื่อให้หายใจคล่อง
นำรายได้มาใช้จ่ายแทนที่จะนำรายได้มาชำระหนี้ก่อน ส่วนที่เหลือก็ไม่พอใช้จ่าย
และเศรษฐกิจก็หยุดชะงัก ในขณะเดียวกันต้องลดค่าครองชีพ
ค่าใช้จ่ายของครัวเรือนลงทันที เช่น ค่าพลังงาน น้ำมัน แก๊ส
โดยให้เปิดให้นำเข้าน้ำมันเสรี ใน 1 ปีแรก และแก้กฎหมายลดค่า FT ลดค่าการตลาด เปลี่ยนแปลงวิธีคำนวณต้นทุนใหม่ ไม่อิงสิงคโปร์
แต่คิดจากต้นทุนจริงที่ขุดได้ในไทย หรือนำเข้ามาแก้กฎหมายผูกขาดของ ปตท.
ให้เปิดเสรีจริง ๆ ไม่กีดกันผู้ค้านำมันรายอื่นหรือไม่ผูกขาดการซื้อไฟฟ้าจากเอกชน
ให้เพิ่มสัดส่วนอีกเท่าตัว และผลิตเองอย่างน้อย 50% เพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของชาติที่ต้นทุนทุกอย่างแพง
เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหาร และต้นทุนทางการเงินมาจากกฎหมายที่ล้าหลัง
และกฎหมายธุรกิจผูกขาด หรือเอื้อประโยชน์ให้รัฐวิสาหกิจต่าง ๆ
ขาดการแข่งขันอย่างเสรี และเอื้อให้มีการทุจริต คอรัปชั่น
นำพารัฐวิสาหกิจไปทำสัญญาที่เสียเปรียบ
และเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องของกรรมการในองค์กร ซึ่งท่านจะเห็นข่าวออกมาเรื่อย ๆ
ตั้งแต่การบินไทย ปตท. กฟผ. เป็นต้น แก้กฎหมายไม่ให้เอื้อต่อการผูกขาดสินค้าและบริการที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตในด้านพลังงาน
ดาวเทียม การสื่อสาร และสาธารณูปโภคต่าง ๆ จัดคณะทูต
หรือผู้แทนการค้าเยี่ยมประเทศจีนเป็นประเทศแรก ให้เพิ่มเส้นทางการบินมาไทยมากขึ้น
นำนักท่องเที่ยวมามากขึ้นอีกเท่าตัว อำนวยความสะดวกเส้นทางนำเข้าทุเรียน
ผ่านประเทศลาว และเวียดนาม นำเข้าข้าว และยางพาราเพิ่มมากขึ้น ราคาก็ดีขึ้น
เศรษฐกิจก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
และให้สิทธิพิเศษแก่จีนมาลงทุนในไทยแทนญี่ปุ่นและอเมริกา
เพราะตอนนี้ไม่มีประเทศไหนรวยเท่าจีนแล้ว ประเทศที่สองที่น่าไปคุยคือ ซาอุดิอาราเบีย
อินเดีย และรัสเซีย
ระยะกลาง (ภายใน
3 ปี) : ในส่วนนี้ ขอแนะนำให้รัฐบาล เศรษฐา 1 รีบปลดล็อกโครงการการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public Private
Partnership หรือ PPP) และเร่งอนุญาต หรือให้สัมปทาน
หรือให้สิทธิแก่เอกชนดําเนินกิจการของรัฐ ทั้งในกิจการเชิงพาณิชย์และสังคมที่ค้างท่ออยู่
เช่น โครงการพัฒนาถนน หนทาง ด้านคมนาคมต่าง ๆ ของ EEC, LANDED BRIDGE, ท่าเรือน้ำลึก สะพานทางด่วนข้ามเกาะสมุย เกาะภูเก็ต เกาะพงัน และเกาะช้าง
เป็นต้น เมื่อมีการลงทุนโครงการใหญ่ ๆ MEGA PROJECT ประชาชนก็รวยขึ้น
กินดีอยู่ดีเพิ่มขึ้น ส่งเสริมการผลิต OTOP ด้านผลผลิตการเกษตรโดยเฉพาะผักผลไม้ใหม่
และสมุนไพรไทย สมุนไพรจีน และสมุนไพรอินเดีย แทนพืชไร่ โดยร่วมกับภาคเอกชน
มหาวิทยาลัย และภาคการแพทย์แผนไทยและเอเชียด้วยโดยไม่กีดกัน หรือขึ้นทะเบียนยา หรือ
อย. ให้อย่างสะดวกรวมทั้งให้ความรู้ด้านการปลูก การผลิตยา การประชาสัมพันธ์
และการส่งออกอีกด้วย
ระยะยาว (ภายใน
5 ปี) : ในส่วนนี้จะต้องเน้นการแก้ไขกฎหมายให้อุ้มรากหญ้า
สนับสนุนคนทำมาหากินสุจริต โดยเฉพาะ SME
การสร้างรายได้ของชนบทและการกระจายอำนาจ แต่เพิ่มโทษในการลงโทษ ผู้กระทำผิด
โดยเฉพาะเรื่องรับสินบนคอรัปชั่น ซึ่งเป็นอุปสรรคใหญ่ในทุกวงการทั้งภาครัฐและเอกชน
รวมทั้งงานประมูลการขอสัมปทาน หรือแม้แต่ใบอนุญาตต่าง ๆ
และการได้สิทธิในการเข้าถึงแหล่งเงินต่าง ๆ เป็นต้น เพื่อให้ประชาชนกินดีอยู่ดี
มีสิทธิ เสรีภาพ และ โอกาสที่เท่าเทียมกันแม้ว่าจะไม่ได้เท่ากันทุกคน
แต่ลดความเหลื่อมล้ำให้น้อยลงไม่ใช่ยิ่งนานความเหลื่อมล้ำ ยิ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ
แสดงว่าเราดำเนินนโยบายผิดทางนายทุนเอาเปรียบ
และได้ประโยชน์กับคนส่วนใหญ่ของประเทศ
นายทุนกู้เงินจำนวนมากโดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกไม่เกิน 5% เงินฝากแค่ 1% ธนาคารกำไรไป 4% แต่ SME ไปกู้ต้องอย่างน้อย
8% ต้องมีหลักทรัพย์ ต้องแสดงทรัพย์สิน ต้องไม่ติดเครดิตบูโร
ต้องมีงบกำไรทุกปี คือต้องแก้ผ้าให้สถาบันการเงินดูอย่างไร้เกียรติ ไร้ศักดิ์ศรี
ต้องถูกเอารัดเอาเปรียบโดยความเห็นชอบของธนาคารแห่งประเทศไทย
ซ้ำยังต้องจ่ายดอกเบี้ยแพง ๆ ต้องเสียค่าธรรมเนียม
ต้องถูกบังคับให้ทำประกันชีวิตคุ้มครองหนี้
เงินที่กู้มาต้องถูกหักไปเหลือเพียงนิดเดียว นายทุนเจ้าสัวซื้อกิจการอะไรก็ได้
เช่น แมคโคร โลตัส เพียงแค่ออกหุ้นกู้ใช้เงินชาวบ้าน ก็มีคนเชื่อถือไม่ต้องใช้หลักทรัพย์
แค่ใช้เครดิตที่มีแม้ไม่ได้ออกเงินลงทุนเลย หากรัฐบาลจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจระยะยาว
ความเหลื่อมล้ำ เสรีภาพในการทำสุรา
เข้าหาแหล่งทุนต้องมีต้นทุนที่เท่ากันไม่ใช่เอื้อให้คนตัวใหญ่ คนรวย
แล้วมาเหยียบหัวคนตัวเล็กหรือคนจนแบบนี้ ในทางกลับกันธนาคารควรเก็บดอกเบี้ยเจ้าสัวแพงกว่า
เพราะมีความเสี่ยงมากกว่าคนตัวเล็ก แต่สุดท้ายคนตัวเล็กกู้ไม่ผ่าน ต้องไปกู้
ดอกเบี้ย 15 -20% ขึ้นไป หรือ 24% จากไมโครไฟแนนซ์
เช่น ศรีสวัสดิ์ เงินติดล้อได้ ผ่านได้เพราะจ่ายดอกเบี้ยสูง ทั้ง ๆ บางทีก็เป็นบริษัทในเครือเดียวกันตามสุภาษิตไทยที่ว่าเตะหมูเข้าปากหมาก็ว่าได้
สรุปคือต้องรอดูฝีมือ
และผลงานรัฐบาลเศรษฐา 1 แม้ว่าจะมาจากหลายพรรค
แต่ผมคิดว่าจุดสำคัญคือการบูรณาการกระทรวงเข้าหากัน
เพราะเป้าหมายทุกข้อต้องอาศัยหลายๆกระทรวงทำพร้อมกัน
ไม่ใช่กระทรวงใดกระทรวงหนึ่งเท่านั้น ผมจึงให้เครดิตแก่ท่านนายกเศรษฐา
เพราะเชื่อว่าท่านมีความตั้งใจจริงและคู่แข่งสำคัญของท่านก็คือพรรคก้าวไกล ท่านได้โอกาสแก้ตัวและแสดงฝีมือแล้ว
ถ้าทำได้ประชาชนก็คงมาเทคะแนนให้รัฐบาลท่านในการเลือกตั้งสมัยหน้าอย่างแน่นอน แต่ถ้าทำไม่ได้ผมเชื่อว่าประชาชนคงให้โอกาสพรรคก้าวไกลมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งแบบถล่มทลายกว่าเดิมอีกแน่นอน
ท้ายที่สุด... แล้วแต่การตัดสินใจและฝีมือของรัฐบาล เศรษฐา 1 ครับ !
วิเคราะห์โดย
ดร.วิโรจน์ กุศลมโนมัย
กูรูตลาดนีช เพื่อ
SME ไทยไปไกลทั่วโลก !