กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติเพิ่มศักยภาพการกำกับดูแลกิจการปิโตรเลียมใช้ระบบดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับดูแลการประกอบกิจการปิโตรเลียมแบบเรียลไทม์
กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ
เพิ่มศักยภาพในการกำกับดูแลกิจการปิโตรเลียม
ด้วยการใช้ระบบดิจิทัลในการตรวจสอบการผลิต เก็บรักษา ขนส่ง ขาย
หรือจำหน่ายปิโตรเลียม โดยจะเริ่มดำเนินการในแหล่งผลิตปิโตรเลียมบนบกทุกแหล่ง
ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป
นายสราวุธ
แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า
กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้พัฒนา
“ระบบดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับดูแลการประกอบกิจการปิโตรเลียม”
เพื่อให้การดำเนินงานและการกำกับดูแลกิจการปิโตรเลียมในประเทศไทย
โดยเฉพาะในส่วนของการผลิต เก็บรักษา ขนส่ง ขาย หรือจำหน่ายปิโตรเลียม เป็นไปอย่างรัดกุมและสามารถตรวจสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
รวมทั้งเพื่อให้เกิดความโปร่งใส สร้างความเชื่อมั่นต่อการกำกับดูแล
และรักษาผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ โดยจะเริ่มดำเนินการในแหล่งผลิตปิโตรเลียมบนบกทุกแหล่ง
ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป
“ที่ผ่านมา กรมฯ
ดำเนินการตรวจสอบการผลิต เก็บรักษา ขนส่ง ขาย
หรือจำหน่ายปิโตรเลียมของบริษัทผู้รับสัมปทานและผู้รับสัญญา โดยรับแจ้งข้อมูลผ่านทางอีเมลและการลงพื้นที่ตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ของกรมฯ
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันประเทศไทยมีแหล่งผลิตปิโตรเลียมใหม่ ๆ
เกิดขึ้นทั้งในแบบสัมปทานและสัญญาแบ่งปันผลผลิต
ทำให้ข้อมูลที่ต้องตรวจสอบมีจำนวนมากและเกิดความซับซ้อนเพิ่มขึ้น ดังนั้น กรมฯ
จึงนำระบบดิจิทัลที่ทันสมัยเข้ามาใช้ในการติดตามตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว
ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอน ระยะเวลา และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
เพิ่มความคล่องตัวในการตรวจสอบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นำมาสู่การสนับสนุนให้เกิดความโปร่งใสและตรวจสอบได้
สร้างความเชื่อมั่นและความเข้าใจให้แก่ภาคประชาชน” นายสราวุธกล่าว
นอกจากนี้
ระบบดิจิทัลดังกล่าว
ยังมีระบบตรวจสอบการดำเนินงานแบบเรียลไทม์ผ่านกล้องวงจรปิดได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ภายในพื้นที่ปฏิบัติงาน
ซึ่งได้รับความร่วมมือจากบริษัทผู้ประกอบการด้านปิโตรเลียมในการสนับสนุนสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง
ๆ ภายในพื้นที่เป็นอย่างดี
สำหรับการนำระบบดิจิทัลมาใช้กับแหล่งผลิตปิโตรเลียมในทะเลนั้น
จะอยู่ในแผนการดำเนินงานในระยะต่อไปจากนี้
เนื่องจากพื้นที่ตั้งแหล่งผลิตในทะเลมีข้อจำกัดเรื่องปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ เช่น
สัญญาณ Internet
และระบบสื่อสาร ที่อาจส่งผลต่อการรายงานผลการตรวจสอบผ่านระบบดิจิทัล
ซึ่งกรมฯ
จะร่วมมือกับบริษัทผู้ประกอบการด้านปิโตรเลียมในทะเลในการพัฒนาระบบดังกล่าวต่อไป
โดยคาดว่าจะสามารถใช้ระบบดิจิทัลในการกำกับดูแลการประกอบกิจการปิโตรเลียมทั่วประเทศทั้งแหล่งบนบกและในทะเลได้ภายในปี
2567